กรุงเทพฯ--20 พ.ย.--มีเดีย แพลนเนอร์ คอนซัลแทนท์
บริษัท ชลบุรี คลีนเอ็นเนอร์ยี จำกัด หรือ CCE ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนในเครือ บมจ.ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (WHAUP) บมจ. โกลว์ พลังงาน และ SUEZ ได้มอบหมายให้บริษัท มารูเบนิคอร์ปอเรชั่น ผู้รับเหมาฯ เริ่มงานก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรมขนาด 8.63 เมกะวัตต์ ในนิคมอุตสาหกรรมเหมราชชลบุรี จังหวัดชลบุรี หลังจากโครงการเริ่มดำเนินการในปลายปี 2562 ซีซีอีจะดำเนินการผลิตและให้บริการบำรุงรักษาโรงไฟฟ้าฯ ตลอด 20 ปีข้างหน้า เพื่อให้การสนับสนุนภาครัฐในการสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียนและปกป้องสิ่งแวดล้อมโดยการแปลงขยะให้เป็นพลังงานสีเขียว (Green Energy)
นายวิเศษ จูงวัฒนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) (WHAUP) เปิดเผยว่า CCE ได้ออกหนังสือแจ้งให้เริ่มงาน (Notice To Proceed : NTP) สำหรับงานก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรมกับบริษัทมารูเบนิคอร์ปอเรชั่น (ประเทศญี่ปุ่น) การก่อสร้างจะใช้เวลาประมาณ 24 เดือน โดยจะสามารถเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ในไตรมาส 4 ปี 2562 ทั้งนี้ โครงการฯมีมูลค่าการลงทุนประมาณ 1,800 ล้านบาท (หรือประมาณ 59 ล้าน เหรียญสหรัฐ)
นายวิเศษกล่าวว่า โครงการชลบุรี คลีนเอ็น เนอร์ยี เป็นโครงการโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีมาตรฐานสูงในการแปรรูปขยะเป็นพลังงานไฟฟ้า เป็นทางออกในการกำจัดกากขยะอุตสาหกรรมที่ปลอดภัยและยั่งยืน โดยจะช่วยลดปัญหาทางสภาพแวดล้อมที่สืบเนื่องมาจากการฝังกลบขยะและปริมาณขยะที่เพิ่มพูนขึ้นตลอดเวลา
นายเบรนดอน วอเทอร์ส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทโกลว์ กล่าวว่า ปัจจุบันโครงการฯ ได้รับความเห็นชอบรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแล้วเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2560 โดยโครงการฯ จะดำเนินการก่อสร้างเป็นไปตามรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่ได้รับการอนุมัติอย่างเคร่งครัด นอกจากนั้นนายเบรนดอน กล่าวเพิ่มเติมว่า โครงการโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม ชลบุรี คลีน เอ็นเนอร์ยี เป็นโครงการที่สนับสนุนนโยบายด้านพลังงานของประเทศไทยที่ให้ความสำคัญในการส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน ซึ่งจะสอดคล้องกับกลยุทธ์หลักของกลุ่มบริษัทโกลว์ในการที่จะพัฒนาโครงการใหม่ๆ โดยมุ่งเน้นการพัฒนาโครงการด้านพลังงานด้วยเทคโนโลยีคาร์บอนต่ำ (Low Carbon technologies)
นางมารี-อองฌ์ เดอบง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มสุเอซ ในฐานะสายธุรกิจระหว่างประเทศ สุเอซ เอเชีย กล่าวว่า SUEZ ในฐานะที่เป็นผู้นำด้านเศรษฐกิจแบบหมุนเวียน บริษัทฯ รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาด้านสิ่งแวดล้อมของประเทศไทย ดิฉันมั่นใจว่าด้วยความเชี่ยวชาญของ SUEZ และมาตรฐานระดับโลกจะเป็นการสร้างหลักเกณฑ์ใหม่ของอุตสาหกรรมการจัดการขยะอุตสาหกรรมในประเทศไทย โดยเป้าหมายของเราคือการนำเสนอนวัตกรรมเฉพาะทางพร้อมความเชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการของเราให้แก่ประเทศไทย เพื่อสนับสนุนหน่วยงานท้องถิ่นของภาครัฐในการสร้างเมืองที่น่าอยู่โดยการแปลงขยะให้เป็นแหล่งพลังงานทดแทนในประเทศและหลีกเลี่ยงการปล่อย CO2 "