กรุงเทพฯ--23 พ.ย.--ไอเดีย เวิร์คส์ คอมมิวนิเคชั่นส์
ติดปีกสตาร์ทอัพไทยสู่สากล ร่วมขับเคลื่อนประเทศ ก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมดิจิทัลของโลก
กลุ่มทรู รุกคืบโครงการทรู ดิจิทัล พาร์ค มุ่งเป็นศูนย์กลางด้านดิจิทัลของไทย ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เดินหน้าเสริมศักยภาพสตาร์ทอัพไทยให้เติบโตแข็งแกร่งและแข่งขันได้บนเวทีโลก ประกาศความพร้อมสร้างระบบนิเวศสมบูรณ์แบบครบวงจร (Complete Ecosystem) มั่นใจเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมดิจิทัลครบวงจรเทียบเท่าระดับสากล ร่วมขับเคลื่อนประเทศไทยสู่เป้าหมายการเป็นดิจิทัลไทยแลนด์ตามนโยบายของรัฐบาล
นายฐนสรณ์ ใจดี กรรมการผู้จัดการใหญ่ ทรู ดิจิทัล พาร์ค กล่าวว่า กลุ่มทรู มุ่งมั่นร่วมสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลในการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมในการขับเคลื่อนประเทศให้มีความแข็งแกร่ง มุ่งสู่เป้าหมายการเป็นดิจิทัลไทยแลนด์ เดินหน้าโครงการทรู ดิจิทัล พาร์ค ให้เป็นศูนย์กลางด้านดิจิทัลของไทย ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เน้นสร้างระบบนิเวศสมบูรณ์แบบครบวงจร ด้วยแนวคิด Open Innovation จากการรวมตัวกันของบริษัทข้ามชาติขนาดใหญ่ เหล่าสตาร์ทอัพและผู้ประกอบการ นักลงทุน รวมทั้งศูนย์ R&D ของมหาวิทยาลัย และหน่วยงานภาครัฐ ทำให้เกิดชุมชนเพื่อผู้ประกอบการเริ่มต้น เป็นแหล่งหลอมรวมองค์ความรู้ที่เอื้อประโยชน์ต่อการสร้างสรรค์นวัตกรรมดิจิทัล ทั้งยังเป็นพื้นที่ที่สนับสนุนการสร้างแรงบันดาลใจ ผลักดันการสร้างสรรค์นวัตกรรมให้เกิดขึ้นจริง และต่อยอดธุรกิจของเหล่าสตาร์ทอัพไทยให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน
โครงการทรู ดิจิทัล พาร์ค ตั้งอยู่ที่สุขุมวิท 101 ในย่านนวัตกรรมปุณณวิถี ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่นำร่องโครงการย่านนวัตกรรม 15 ย่านของสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (สนช.) มีขนาดพื้นที่ประมาณ 77,000 ตารางเมตร เพียบพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกที่รองรับทั้งการทำงานและการใช้ชีวิตในยุคดิจิทัลได้อย่างลงตัว โดย จัดแบ่งพื้นที่เป็น 4 โซนได้แก่ Co-working Space สำหรับการทำงาน เรียนรู้และสร้างสรรค์นวัตกรรมร่วมกัน, Enterprise Space สำนักงานบริษัทข้ามชาติ และเหล่าสตาร์อัพ, Innovation Space ศูนย์นวัตกรรม และเครื่องมือเทคโนโลยีชั้นนำ, และ Events and Business Services Space เติมเต็มไลฟสไตล์การใช้ชีวิตประจำวัน ทั้งห้องประชุมและสัมมนา ร้านอาหาร และกิจกรรมสันทนาการต่างๆ รวมทั้งศูนย์บริการแบบเบ็ดเสร็จ ให้คำปรึกษาและสนับสนุนการทำธุรกิจ ซึ่งเป็นการออกแบบพื้นที่เพื่อให้เกิดระบบนิเวศสมบูรณ์แบบอย่างแท้จริง นอกจากนี้ โครงการทรู ดิจิทัล พาร์ค ยังมีระบบสื่อสารความเร็วสูงทั้งแบบมีสายและไร้สาย เชื่อมโยงทั่วทั้งโครงการ รวมทั้งโซลูชั่นไอโอที (IoT Solutions) และดิจิทัลแพลตฟอร์ม เพื่อรองรับการทำธุรกิจ อาทิ คลาวด์ คอมพิวติ้ง และ ระบบ e-Payment เป็นต้น
ระบบนิเวศสมบูรณ์แบบ (Ecosystem) ของทรู ดิจิทัล พาร์ค สามารถตอบโจทย์ทุกความต้องการของสตาร์ทอัพครบครันในที่เดียว ทั้งสร้างแรงบันดาลใจ ต่อยอดไอเดียนวัตกรรม และติดสปีดให้ธุรกิจเติบโตอย่างรวดเร็ว ประกอบด้วย
บริษัทข้ามชาติขนาดใหญ่จากทั่วโลก (Global Tech Giants) ตั้งสำนักงานหรือสาขาในประเทศไทยสตาร์ทอัพและผู้ประกอบการด้านเทคโนโลยีและดิจิทัล อาทิ IoT และ Big Data Analytics, Artificial Intelligence (AI) และ Machine Learning, e-Commerce, Creative Content และ Gaming รวมทั้งธุรกิจเทคในด้านการเงิน (FinTech), การศึกษา (EduTech), การท่องเที่ยว (TravelTech), การเกษตร (AgriTech) และ การสาธารณสุข (HealthTech) เป็นต้นโครงการบ่มเพาะวิสาหกิจเริ่มต้น (Incubators and Accelerators) ด้วยกิจกรรมและเวิร์คช้อปต่างๆ ที่จะเสริมสร้างความรู้และประสบการณ์รอบด้านในการทำธุรกิจ และสร้างเครือข่ายชุมชนสตาร์ทอัพในระดับภูมิภาค แหล่งรวมนักลงทุนจากทั่วโลก (Investors and VCs) ที่มองหาโอกาสการลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัพที่มีศักยภาพศูนย์บริการแบบเบ็ดเสร็จ (One Stop Service) ของภาครัฐ ที่จะให้คำปรึกษาและอำนวยความสะดวกในการให้บริการด้านธุรกิจแก่เหล่าสตาร์ทอัพ รวมทั้งสิทธิพิเศษต่างๆ เพื่อดึงดูดผู้ประกอบการต่างชาติสิ่งอำนวยความสะดวกล้ำสมัย รองรับการทำธุรกิจได้อย่างครบวงจร
"ปัจจุบัน โครงการทรู ดิจิทัล พาร์ค อยู่ระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าจะแล้วเสร็จราวปลายปี 2561 โดยมีหน่วยงานภาครัฐ อาทิ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ภายใต้ความร่วมมือการจัดตั้งศูนย์บริการดิจิทัลแบบเบ็ดเสร็จ (Digital One Stop Service) รวมทั้งบริษัทข้ามชาติขนาดใหญ่ และกลุ่มสตาร์ทอัพให้ความสนใจเป็นอย่างมาก มั่นใจว่า ทรู ดิจิทัล พาร์ค จะเป็นจุดหมายปลายทางและเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมดิจิทัลของไทย ที่จะรวบรวมคนเก่งผู้มีความรู้ความสามารถ (Talent)จากทั้งในและต่างประเทศเข้ามา ทำให้เกิดการหลอมรวมองค์ความรู้และประสบการณ์ เพิ่มศักยภาพให้สตาร์ทอัพไทยมีความเข้มแข็ง สร้างชื่อเสียงและคุณค่าให้แก่สังคมในระดับประเทศและระดับโลก ทั้งยังสร้างความเชื่อมั่นและดึงเงินลงทุน (Funding) จากทั่วโลกเข้ามาในระบบเศรษฐกิจของประเทศไทย สอดคล้องตามแนวนโยบายของรัฐบาลในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลในยุคไทยแลนด์ 4.0" นายฐนสรณ์ กล่าวสรุป