กรุงเทพฯ--24 พ.ย.--IR PLUS
THMUI ผู้นำธุรกิจจัดจำหน่ายลวดสลิงคุณภาพสูง ย้ำจุดเด่นธุรกิจเป็นตัวแทนจำหน่ายลวดสลิงแบรนด์ระดับโลก ลูกค้าชั้นนำในกลุ่มอุตสาหกรรม ผู้ผลิตน้ำมันปิโตรเคมี ท่าเรือ โรงไฟฟ้า และอื่นๆ ชี้ปัจจัยพื้นฐานธุรกิจแกร่ง อัตรากำไรขั้นต้นสูงเฉลี่ย 40% "ทชากร ลีลาประชากุล" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พิสูจน์ด้วยงวด 9 เดือน รายได้จากการขายและบริการอยู่ที่ 310.61 ล้านบาท กำไรสุทธิอยู่ที่ 24.69 ล้านบาท โดยกำไรสุทธิสูงกว่า 300 % เทียบกับงวดไตรมาส 3 ของปีก่อน แถมกำไรสุทธิทะลุกำไรทั้งปี 2559 "รัฐชัย ธีระธนาวัฒน์" ที่ปรึกษาทางการเงินและแกนนำการเสนอขายหลักทรัพย์ เชื่อเงินระดมทุนสร้างประโยชน์โดยตรงกับบริษัทฯ สามารถเพิ่มสินค้าและบริการที่หลากหลาย มีความต้องการซื้อในตลาด ผนวกกับประเมินไตรมาส 4/2560 โตต่อเนื่อง ส่วนปี 2561 รับปัจจัยบวกมีการลงทุนของภาครัฐและเอกชนสดใส มั่นใจ THMUI เป็นหนึ่งในหุ้น Growth Stock
นายทชากร ลีลาประชากุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยมุ้ย คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ THMUI เปิดเผยว่า พอใจกับการการซื้อขายหุ้น THMUI วันแรกในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดตลาดที่ราคา 2.98 บาท เพิ่มขึ้น 16.86% จากราคาจอง 2.55 บาทต่อหุ้น มูลค่าการซื้อขายรวมกว่า 792 ล้านบาท โดย THMUI ในฐานะผู้นำธุรกิจจัดจำหน่ายลวดสลิงและอุปกรณ์ยกหิ้วคุณภาพสูง ที่ได้รับความไว้วางใจจากผู้ผลิตแบรนด์ชั้นนำระดับโลก อาทิ ไบรดอน (Bridon), คิสไวร์ (Kiswire), อูช่า (Usha) และครอสบี้ (Crosby) เป็นต้น รวมทั้ง บริการหลังการขาย และมีใบรับรองสินค้าจากผู้ผลิต เพื่อให้เกิดความมั่นใจในสินค้าที่ส่งมอบ ซึ่งที่ผ่านมามีกลุ่มลูกค้าขนาดใหญ่ในหลากหลายอุตสาหกรรม ทั้งกลุ่มผู้ผลิตปิโตรเลียมและน้ำมันรายใหญ่ กลุ่มปิโตรเคมี ก่อสร้าง ฯลฯ ซึ่งการระดมทุนครั้งนี้จะทำให้บริษัทฯสามารถขยายฐานลูกค้าได้เพิ่มมากขึ้น อาทิ กลุ่มท่าเรือ กลุ่มโรงไฟฟ้า นอกจากนี้ จะช่วยลดข้อจำกัดเรื่องเงินทุน ทำให้สต็อกสินค้าได้มากขึ้นเพียงพอต่อความต้องการซื้อของลูกค้า โดยที่ผ่านมาเสียโอกาสได้รายได้ปีละประมาณหลักร้อยล้านบาท เนื่องจากไม่มีสินค้าเพียงพอต่อความต้องการของลูกค้า โดยเงินระดมทุน IPO สามารถเก็บสต็อกสินค้าได้มากขึ้น ประกอบกับปีหน้าจะมีการลงทุนของภาครัฐ-เอกชน ตั้งเป้าหมายรายได้ปี 2561 เติบโตต่อเนื่องราว 20% จากปีก่อน รักษาอัตรากำไรขั้นต้นให้อยู่ที่ระดับ 40 %
สำหรับเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นครั้งนี้จำนวน 247.53 ล้านบาท บริษัทจะนำไปชำระคืนตั๋วแลกเงิน 60 ล้านบาท ซื้อเครื่องทดสอบแรงดึงขนาด 400 ตัน มูลค่า 10 ล้านบาท ก่อสร้างโกดังสินค้า 30 ล้านบาท และที่เหลือ 147.53 ล้านบาท ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน
ทั้งนี้ผลประกอบการบริษัทฯ งวด 9 เดือนแรกของปี 2560 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 24.69 ล้านบาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน 5.19 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตร้อยละ 376.97 และเติบโตกว่ากำไรสุทธิทั้งปี 2559 ซึ่งอยู่ที่ 18.92 ล้านบาท เรียบร้อยแล้ว ส่วนกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 120.82 ล้านบาท เทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 100.46 ล้านบาท และมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ร้อยละ 38.90 อัตรากำไรสุทธิร้อยละ 7.90 โดยปัจจัยสำคัญเป็นผลจากการเติบโตของรายได้ และความสามารถในการควบคุมค่าใช้จ่ายได้อย่างดีเยี่ยม โดยรายได้จากการขายและบริการงวด 9 เดือนปี 2560 อยู่ที่ 310.61 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 25.33 จากงวดเดียวกันของปี 2559 อยู่ที่ 247.83 ล้านบาท
"ถือว่าพอใจกับการก้าวเป็นส่วนหนึ่งของตลาด เอ็ม เอ ไอ ซึ่งเชื่อจะมีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ เพราะการระดมทุนช่วยลดข้อจำกัดทางการเงินที่สามารถเพิ่มสต็อกสินค้าให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าได้ และทันท่วงที รวดเร็ว สินค้าคุณภาพปลอดภัย ซึ่งเป็นสิ่งที่ลูกค้าเลือก THMUI มาโดยตลอด ที่ผ่านมาเสียโอกาสประมาณปีละประมาณหลักร้อยล้านบาท ในการที่ไม่สามารถรับออเดอร์ลูกค้าได้ แต่จากเราได้เงิน IPO เข้ามาทำให้เราสามารถเก็บสต็อกสินค้าได้มากขึ้น ทำให้เรามีรายได้จากการเสียโอกาสกลับมา และประเมินว่าปีหน้าจะมีโอกาสจำนวนมากจากการลงทุนของภาครัฐ-เอกชน ทำให้มั่นใจรายได้ปีหน้าเติบโต และรักษาอัตรากำไรขั้นต้นให้อยู่ที่ระดับ 40 % " ทชากร กล่าว
นายรัฐชัย ธีระธนาวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ หัวหน้าฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ อาร์เอชบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย ของ บริษัท ไทยมุ้ย คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า THMUI มีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และเป็นบริษัทฯ ที่มีแนวโน้มการเติบโตสูงในอนาคต เนื่องจากมีจุดเด่นในเรื่องของความเชื่อมั่นที่ได้รับจากคู่ค้า และพันธมิตร ทำให้ลูกค้าส่วนใหญ่ คือบริษัทชั้นนำของประเทศที่ไว้วางใจใช้บริการ อยู่ในหลากหลายอุตสาหกรรม ลดความเสี่ยงในการพึ่งพิงลูกค้ารายใดเป็นพิเศษ นอกจากนี้ ผลประกอบการที่แข็งแกร่ง อัตรากำไรขั้นต้นในระดับสูง หรือเฉลี่ยที่ระดับ 40% และมีอัตรากำไรสุทธิที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ทำให้เชื่อมั่นว่า แผนการรุกตลาดลวดสลิง อุปกรณ์ยกหิ้ว และสินค้าอื่นๆ ของบริษัทที่มีรวมกันกว่า 3,000 รายการ ด้วยการบริหารจัดการที่ดี ความสามารถในการควบคุมค่าใช้จ่ายให้ลดลงอย่างต่อเนื่อง และการบริหารสต็อกที่เป็นหัวใจสำคัญของบริษัท จะผลักดันให้ THMUI เติบโต และพร้อมที่จะรับงานโครงการต่างๆ ได้อีกมากมายในอนาคต และคาดว่า เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้นักลงทุนให้ความสนใจ และเห็นโอกาสจากการลงทุนหุ้น THMUI อย่างต่อเนื่องในระยะยาว
โดย THMUI เปิดการซื้อขายวันแรกที่ราคา 2.98 บาท เพิ่มขึ้น 16.86% จากราคาไอพีโอหุ้นละ 2.55 บาท ปรับขึ้นไปสูงสุดของวันนี้ที่ 3.04 บาท ก่อนจะปิดการซื้อขายที่ราคา 2.42 บาท มูลค่าการซื้อขายกว่า 792 ล้านบาท