กรุงเทพฯ--24 พ.ย.--กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
นางสาวชุติมา บุณยประภัศร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมนาแปลงใหญ่และติดตามการขับเคลื่อนเกษตรอินทรีย์ ณ จังหวัดพัทลุง โดยได้เยี่ยมชมกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านเขากลาง มีการรวมกลุ่มกันของเกษตรกรอย่างเข้มแข็ง สามารถเป็นศูนย์รับซื้อข้าวสังข์หยดจากบริเวณใกล้เคียงมาสีแปรและแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ อาทิ แป้งข้าวกล้อง ขนมทองพับ ผลิตภัณฑ์เส้น ข้าวอบกรอบ จมูกข้าว เป็นต้น หน่วยงานราชการได้นำองค์ความรู้และเครื่องมือทุ่นแรงเข้ามาให้ใช้โดยมีการแนะนำวิธีทำ จึงทำให้ผลผลิตออกมาเป็นที่น่าพอใจ โดยมีต้นทุนที่ลดลง
ทั้งนี้ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนรับซื้อข้าวเปลือกมาจากเกษตรกรที่เป็นสมาชิกกลุ่มนาแปลงใหญ่ มีพื้นที่รวมประมาณ 1,000 ไร่ แต่ขณะนี้เกิดปัญหาน้ำท่วม จึงเหลือพื้นที่ที่สามารถทำการเกษตรได้จริงประมาณ 800 ไร่ กระทรวงเกษตรฯ จึงได้นำหน่วยงานในสังกัดเข้ามาแลกเปลี่ยนวิธีการในการแก้ไขปัญหา เนื่องจากพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ลุ่มต่ำ ทำให้เกิดน้ำท่วมขัง อีกทั้งยังอยู่ใกล้ทะเลสาบ ทำให้ทุกปีเกิดปัญหาน้ำท่วมและน้ำแล้ง ในเบื้องต้น กรมชลประทานจะแก้ไขโดยวิธีการขุดลอกคูคลองเพื่อช่วยในการระบายน้ำให้เร็วขึ้น ส่วนปัญหาน้ำแล้ง กระทรวงเกษตรฯ โดยกรมชลประทาน ได้ตั้งสถานีสูบน้ำให้แล้ว มีสายส่งของระบบน้ำแล้วส่วนหนึ่ง แต่ยังขาดอีกประมาณ 3 กิโลเมตร ซึ่งต้องของบประมาณเพิ่มเติมอีก 23 ล้านบาท จะทำให้สามารถส่งน้ำครอบคลุมพื้นที่ได้ทั้งหมดในบริเวณนี้ ประมาณ 2,000 กว่าไร่
นางสาวชุติมา กล่าวต่อไปว่า กลุ่มเกษตรกรดังกล่าวทำผลผลิตออกมาเป็นข้าวคุณภาพตามมาตรฐานข้าวปลอดภัย (GAP) และนำมาสีที่โรงสีวิสาหกิจชุมชนที่เป็นโรงสี GMP แห่งเดียวของจังหวัดพัทลุง ผลผลิตดังกล่าวจะได้ข้าวคุณภาพ มีเครื่องหมาย Q ที่รับรองว่าเป็นข้าวปลอดภัย ซึ่งมีความต้องการของตลาดมาก และสามารถเอาไปขายตามร้านค้าและโมเดิร์นเทรดต่าง ๆ แล้ว นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มเกษตรกรที่ทำเกษตรอินทรีย์และได้รับการรับรองออร์แกนิกไทยแลนด์ ทำให้สามารถขายได้ราคาที่สูงกว่าข้าวทั่วไป
ทั้งนี้ ข้าวสังข์หยดจังหวัดพัทลุง เป็นผลผลิตที่เกิดจากแหล่งภูมิศาสตร์ ได้รับการรับรอง GI จากกรมทรับสินทางปัญญา ทำให้มั่นใจได้ว่า ข้าวสังข์หยดพัทลุงเป็นสินค้าที่มีคุณภาพพิเศษ มีคุณลักษณะเฉพาะ แตกต่างจากข้าวทั่วไป เป็นการยกระดับข้าวสังข์หยดของพัทลุง สามารถสร้างมูลค่าเพิ่ม ทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มมากขึ้น กลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านเขากลางปลูกข้าวสังข์หยดที่ได้รับการรับรอง GI ตามมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ เป็นที่ต้องการของตลาดอย่างมาก มีการตกลงราคารับซื้อข้าวสดกันล่วงหน้าถึงตันละ 15,000 บาท
"สำหรับการส่งเสริมในเรื่องนาแปลงใหญ่ นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำให้ขยายนาแปลงใหญ่ให้ครอบคลุมทั้งประเทศ ซึ่งได้มีการกำหนดแผนการดำเนินการไว้ 5 ปี จะมีนาแปลงใหญ่ที่เข้าระบบข้าวปลอดภัย 19 ล้านไร่ คิดเป็นประมาณ 1 ใน 3 ของพื้นที่เพาะปลูกข้าวทั้งหมดของประเทศไทย จึงขอเชิญชวนพี่น้องเกษตรกรที่สนใจ สามารถแจ้งความประสงค์ได้ที่เกษตรอำเภอหรือเกษตรจังหวัด โดยให้รวมกลุ่มกันอย่างน้อย 30 ราย พื้นที่ 300 ไร่ขึ้นไป หรือมาสมัครเป็นสมาชิกของกลุ่มแปลงใหญ่ที่มีอยู่แล้วได้อีกทางหนึ่ง" นางสาวชุติมา กล่าว