พลัส พร็อพเพอร์ตี้ พาร์ทเนอร์ โชว์กึ๋นมืออาชีพ ปิดการขายกว่า 1600 ยูนิต มูลค่ากว่า 7,500 ล้านบาท ในปี 47

ข่าวทั่วไป Wednesday February 9, 2005 14:25 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--9 ก.พ.--โฟว์ดี คอมมิวนิเคชั่น
พลัส พร็อพเพอร์ตี้ พาร์ทเนอร์ โชว์กึ๋นมืออาชีพ ปิดการขายกว่า 1600 ยูนิต มูลค่ากว่า 7,500 ล้านบาท ในปี 47 เชื่อมั่นตลาดคอนโดมิเนียมและทาวน์เฮ้าส์ปี 48 ยังไปได้สวย ย้ำสินค้าดี บริหารการขายอย่างมีศักยภาพ และการสร้างมูลค่าเพิ่มที่แตกต่างยังเป็นแม่เหล็กดูดกำลังซื้อ
พลัส พร็อพเพอร์ตี้ พาร์ทเนอร์ บริษัทบริหารการขายโครงการอสังหาริมทรัพย์ชั้นแนวหน้าของไทยเชื่อมั่นศักยภาพตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 48 ยังมีกำลังซื้ออย่างต่อเนื่อง และถือเป็นโอกาสทองของผู้ซื้อ เพราะมีโครงการให้เลือกมากมายหลากหลายทำเล ทำให้ผู้ประกอบการต้องงัดยุทธวิธีต่างๆ มาแข่งขันกัน ซึ่งจากการสำรวจพบว่า นอกจากกลยุทธ์การลดแลกแจกแถมแล้ว ปัจจัยใหม่ที่ลูกค้าให้ความสำคัญก็คือการบริการหลังการขายเพื่อเพิ่มมูลค่าโครงการในอนาคต ด้านผู้ประกอบการหน้าใหม่มีแนวโน้มในการใช้บริษัทบริหารการขายที่มีศักยภาพมาบริหารการขายเพิ่มมากขึ้น พร้อมเผยกลยุทธ์ที่เหนือกว่าในการบริหารการขายแบบมืออาชีพ
นายยงยุทธ ชัยพรหมประสิทธิ์ ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ พาร์ทเนอร์ จำกัด บริษัทผู้นำด้านบริหารการขายโครงการอสังหาริมทรัพย์ของไทย เปิดเผยว่า จากการสำรวจตลาดรวมการขายอสังหาริมทรัพย์ของไทยในปี 47 พบว่ายังมีการเติบโตในอัตราที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปีที่ผ่านมา คอนโดมิเนียมถือเป็นประเภทสินทรัพย์ที่สามารถขายได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว เมื่อเทียบกับอสังหาริมทรัพย์ประเภทอื่นๆ ซึ่งข้อมูลจากฝ่ายวิจัยของแสนสิริ พบว่า ในช่วงปี 46 เรื่อยมาถึงครึ่งปีแรกปี 47 คอนโดมิเนียมใจกลางเมืองต่างเป็นที่หมายปองของกลุ่มลูกค้าระดับกลางถึงบนส่งผลให้สามารถปิดการขายโครงการได้ในระยะเวลาอันสั้น และเริ่มมีการชะลอตัวในช่วงในการขายในช่วงครึ่งปีหลังของปี 47 ซึ่งในช่วงครึ่งปีหลังของปี 47 มีจำนวนห้องชุดสร้างเสร็จในตลาดประมาณ 86,619 ยูนิต มีอัตราเติบโตเฉลี่ย 3% จากปี 46 และเชื่อมั่นว่าในอีก 2 ปีข้างหน้าจะมีจำนวนห้องชุดทั้งหมด 102,109 ยูนิต ส่งผลให้ผู้ประกอบการต้องหันมากำหนดกลยุทธ์ด้านการขายอย่างจริงจังมากขึ้น ซึ่งนอกเหนือจากคุณภาพของโครงการ ทำเล และราคาแล้ว หลายค่ายยังหันมาสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่โครงการเพื่อซื้อใจกลุ่มเป้าหมาย และในขณะที่ตลาดคอนโดมิเนียมเริ่มชะลอตัว แต่กลับมีอีกตลาดที่ดูเหมือนจะเริ่มเข้ามาครองใจกำลังซื้อแทนที่ นั่นก็คือตลาดทาวน์เฮ้าส์ที่มีระบบสาธารณูปโภคและทำเลที่ดี
พลัส พร็อพเพอร์ตี้ พาร์ทเนอร์ ไม่เคยกังวลเรื่องการขายโครงการไม่ว่าจะเป็นโครงการบ้านเดี่ยว,ทาวน์เฮ้าส์หรือคอนโดมิเนียม เพราะหากพิจารณาจากประสบการณ์ด้านการขายในอดีตจนถึงปัจจุบันนั้น เราสามารถปิดการขายโครงการต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว อาทิ โครงการอโศก เพลส โครงการอารีย์เพลส โครงการพลัส 38 โครงการของเครือ
เมเจอร์ โครงการของเครือซิตี้ เรียลตี้ และโครงการทาวน์เฮ้าส์คุณภาพในแถบสุขุมวิท เป็นต้น โดยทั้งหมดสามารถปิดการขายได้ก่อนกำหนด เพราะเรามีระบบฐานข้อมูลลูกค้าที่มีศักยภาพและทันสมัยอยู่เสมอ ประกอบกับคุณภาพและความเชี่ยวชาญด้านการขายของทีมงาน และปรัชญาในการดำเนินธุรกิจที่มุ่งสร้างชุมชนที่มีคุณภาพพร้อมทั้งมีบริการด้านบริหารโครงการเพื่อเพิ่มมูลค่าโครงการในอนาคต ซึ่งสิ่งเหล่านี้เราพยายามที่จะสื่อถึงกลุ่มลูกค้าอย่างต่อเนื่องจนทำให้ลูกค้าเกิดความมั่นใจที่จะซื้อโครงการที่เราบริหารการขาย จากการวิเคราะห์จะเห็นได้ว่า เราไม่ได้เป็นแค่นายหน้าหาคนซื้อมาเจอกับคนขาย แต่เราคือนักบริหารเชิงกลยุทธ์ ที่ต้องศึกษาข้อมูลโครงการ ข้อมูลกลุ่มลูกค้า วางแผนการขาย และประเมินผลอย่างต่อเนื่อง สิ่งเหล่านี้ถือเป็นข้อได้เปรียบของเราเมื่อเทียบกับคู่แข่งในปัจจุบัน เราจะเข้าไปให้คำปรึกษาตั้งแต่ระยะแรกเริ่ม เพื่อให้ที่ดินของลูกค้าได้รับการวิเคราะห์ในการสร้างสรรค์เป็นโครงการทีเหมาะสมทั้งด้านกลุ่มเป้าหมาย ระดับราคา และจุดขายต่างๆ แต่ในกรณีที่ลูกค้าได้พัฒนาโครงการไปแล้วนั้น เราต้องนำโครงการดังกล่าวมาวิเคราะห์ หากไม่เหมาะกับความต้องการของตลาดในปัจจุบัน เราก็คงต้องปรับ หากลูกค้ามีมุมมองที่แตกต่างและเราเห็นว่าอาจจะมีแนวทางในการบริหารการขายที่ต่างกัน เราคงต้องกลับมาพิจารณาอีกครั้งว่าจะสามารถดำเนินการต่อไปได้หรือไม่อย่างไร” นายยงยุทธกล่าว
“ปัจจุบันนอกจากที่เราจะขายโครงการที่พัฒนาเองแล้ว เรายังรับเป็นตัวแทนขายให้แก่ผู้ประกอบการรายอื่นๆ ด้วย ซึ่งทำให้เรารู้ลึกถึงโครงสร้างตลาดในทุกระดับ และนำทักษะในการขายโครงการแต่ละอย่างมาประยุกต์ใช้ร่วมกัน อาทิในปี 2546 เราสามารถปิดการขายโครงการซิตี้ ลิฟวิ่ง จำนวน 176 ยูนิต มูลค่าโครงการ 280 ล้านบาท ได้ในเวลาไม่ถึง 1 ปี ส่วนโครงการที่เปิดตัวในปี 2547 และปิดการขายได้ภายในเวลา 5 เดือน คือโครงการพหล เมทโทร คอนโดมิเนียม จำนวน 164 ยูนิต มูลค่าโครงการ 290 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีโครงการอีกมากมายที่สนใจให้เราบริหารงานขาย ซึ่งส่วนมากเราจะขายได้ตรงตามเป้า และสามารถดำเนินการขายได้ครบตามที่ระบุกับเจ้าของโครงการ ปัจจัยดังกล่าวจึงถือเป็นจุดขายอีกส่วนหนึ่งที่ทำให้ลูกค้าเชื่อมั่นในทีมบริหารการขายของพลัสและเลือกให้เราบริหารงานขายโครงการอย่างต่อเนื่อง เพราะเราไม่เพียงแต่ช่วยการบริหารงานขาย เรายังช่วยเพิ่มมูลค่าของโครงการ เพิ่มศักยภาพของทำเลให้แก่ทั้งเจ้าของโครงการและผู้ซื้อด้วย ส่งผลให้ในปี 2547 เราสามารถปิดการขายได้กว่า 1,600 ยูนิต หรือคิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 7,500 ล้านบาท และล่าสุดเราพยายามที่จะวิเคราะห์แนวโน้มตลาด ซึ่งเมื่อเราทราบว่าในปี 48 ตลาดทาวน์เฮ้าส์จะเริ่มเป็นที่ต้องการของกลุ่มเป้าหมาย เราก็ได้เริ่มวางแผนในการขายที่เหมาะกับผู้ที่ต้องการซื้อทาวน์เฮ้าส์ว่าเราต้องวางกลยุทธ์ในการขายอย่างไร และอะไรคือสิ่งที่ลูกค้าต้องการจริงๆ ซึ่งเหตุดังกล่าวทำให้เราสามารถสร้างยอดขายของโครงการ พลัส ซิตี้ พาร์ค เกษตร-นวมินทร์ได้อย่างน่าพอใจ โดยที่ผ่านมาเพียง 2 เดือน เราสามารถขายโครงการดังกล่าวไปได้กว่า 70% ส่งผลให้เราต้องขยับเวลาการเปิดตัวเฟส 2 เร็วขึ้นกว่ากำหนดถึง 2 เดือน ซึ่งสิ่งเหล่านี้คือเครื่องยืนยันถึงศักยภาพของทีมงานด้านการขายเป็นอย่างดี” ประธานคณะกรรมการบริหารกล่าว
“หากให้วิเคราะห์ภาพรวมตลาดตัวแทนขายอสังหาริมทรัพย์ในปี 48 แล้ว ผมเชื่อว่าจะมีผู้ที่หันมาใช้บริการบริษัทที่เชี่ยวชาญด้านการขายเพิ่มมากขึ้น เพราะปัจจุบันมีผู้ประกอบการรายใหม่ๆ ที่มีที่ดิน มีทุน และมีความตั้งใจที่จะพัฒนาโครงการที่มีคุณภาพออกขายสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง แต่ยังขาดทักษะการทำตลาดและการขาย หากเราบริหารอย่างถูกต้องและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่แท้จริงได้ ก็จะสามารถปิดการขายโครงการได้ตามเป้าหรืออาจจะเร็วกว่านั้น ปัจจุบัน พลัส พร็อพเพอร์ตี้ พาร์ทเนอร์ ทำการบริหารการขายโครงการกว่า 28 โครงการ แบ่งเป็นประเภทบ้านเดี่ยว 6โครงการรวม 1,112 ยูนิต โครงการคอนโดมิเนียม 16 โครงการ รวม 2,056 ยูนิต โครงการทาวน์เฮ้าส์ 6 โครงการ รวม 731 ยูนิต ซึ่งเป็นสิ่งที่สร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ประกอบการและเจ้าของโครงการในการเลือกเราเป็นตัวแทนขายได้อย่างดี” นายยงยุทธกล่าวสรุป
บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ พาร์ทเนอร์ จำกัด ผู้นำธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจรของไทย ทุนจดทะเบียนบริษัท 450 ล้านบาท ให้บริการด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์, บริหารงานขายโครงการ, ให้คำปรึกษาเรื่องการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์, การบริหารอาคารสำนักงานและที่อยู่อาศัยและการเป็นตัวแทนนายหน้าด้านอสังหาริมทรัพย์ ปัจจุบันมีโครงการที่พัฒนา (Project Development) ทั้งสิ้น 14 โครงการ และโครงการที่รับบริหาร (Property Management) รวม 28 โครงการ ซึ่งถือเป็นอันดับหนึ่งของเมืองไทยในปัจจุบัน
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่:
วิภาวริศ เกตุปมา หรือ
สุรีย์พร สื่อสกุล และ กรรณิกา สายพันธุ์
บริษัท โฟว์ดี คอมมิวนิเคชั่น จำกัด
02-951-9119, 01-902-5948, 06-329-3823, 01-890-3568
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net--จบ--

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ