กรุงเทพฯ--27 พ.ย.--สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ
สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) ส่งทีมลงพื้นที่ตามหาช้างเผือกใน 15 จังหวัด 6 ภูมิภาค เตรียมเข้าไปพัฒนาผู้ประกอบการอัญมณีและเครื่องประดับท้องถิ่น ให้มีดีไซน์ทันสมัย ก่อนส่ง กรมพัฒนาธุรกิจการค้าให้ช่วยด้านการตลาดในประเทศ และ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศให้ช่วยด้านการตลาดต่างประเทศ รวมทั้งนำมาจำหน่ายที่สถาบัน และนำออกงานบางกอกเจมส์ สร้างโอกาสโกอินเตอร์ พร้อมจับมือหน่วยงานที่เกี่ยว พัฒนาแหล่งผลิตเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ดึงนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติเข้าไปเยี่ยมชม
นางดวงกมล เจียมบุตร ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ GIT เปิดเผยว่า ขณะนี้ GIT กำลังจัดส่งทีมงานผู้เชี่ยวชาญลงพื้นที่ไปยังจังหวัดเป้าหมายที่เป็นแหล่งผลิตอัญมณีและเครื่องประดับที่เป็นภูมิปัญญาท้องถิ่น จำนวน 15 จังหวัดใน 6 ภูมิภาค เพื่อเข้าไปช่วยพัฒนาทั้งในด้านการผลิต การออกแบบ และประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือในด้านการตลาด เพื่อให้สินค้าเหล่านี้มีการพัฒนารูปแบบให้ทันสมัย และสามารถจำหน่ายได้เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ ใน 15 จังหวัด 6 ภูมิภาค ที่เป็นแหล่งผลิตอัญมณีและเครื่องประดับที่สำคัญในส่วนภูมิภาค ที่ GIT จะลงพื้นที่ ได้แก่ ภาคเหนือ ที่เชียงใหม่ น่าน แพร่ ซึ่งเป็นแหล่งผลิตเครื่องประดับเงินและพลอยสี , ภาคกลาง (ตอนบน) ที่สุโขทัย เป็นแหล่งผลิตเครื่องประดับทองและเงิน , ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่นครราชสีมา มหาสารคาม สุรินทร์ เป็นแหล่งผลิตเครื่องปั้นดินเผา เงิน และพลอยสี , ภาคตะวันออก ที่จันทบุรี ตราด เป็นแหล่งผลิตพลอยสี , ภาคตะวันตก ที่ตาก กาญจนบุรี เพชรบุรี เป็นแหล่งผลิตเครื่องประดับทอง และนิล และภาคใต้ ที่ภูเก็ต พังงา สตูล เป็นแหล่งผลิตเครื่องประดับจากไข่มุก
"ผู้เชี่ยวชาญที่ลงพื้นที่ จะไปช่วยพัฒนาด้านเทคนิคการผลิต การให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการท้องถิ่น ให้มีการผลิตสินค้าให้มีความทันสมัยมากขึ้น แต่ยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ของภูมิปัญญาท้องถิ่น เพื่อสร้างโอกาสในการจำหน่ายเพิ่มขึ้น โดย GIT จะทำการคัดเลือกสินค้าที่ผ่านการพัฒนามาจัดแสดงและจำหน่ายที่มิวเซียม แกลลอรี่ และแกลลอรี่ ชอป ของสถาบันฯ และจะคัดเลือกเพื่อนำไปออกงานแสดงสินค้าในงาน Bangkok Gems & Jewelry Fair ซึ่งจะทำให้มีโอกาสในการค้าขายไปต่างประเทศได้เพิ่มขึ้น"นางดวงกมลกล่าว
นอกจากนี้ GIT ได้วางแผนพัฒนาศักยภาพการตลาดผลิตภัณฑ์ชุมชน กลุ่มเครื่องปั้นดินเผาหมู่บ้านด่านเกวียน โดยเบื้องต้นได้ใช้ชิ้นงานอัตลักษณ์ท้องถิ่นนำมาทำเป็นเครื่องประดับ มีการนำวัสดุต่างๆ อาทิเช่น เชือก หนัง เม็ดโลหะเงิน และพลอย เป็นต้น มาผสมผสานร้อยเรียงเป็นลวดลายแปลกใหม่ ทำให้ชิ้นงานมีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น เพื่อให้ชุมชนสามารถต่อยอดในเรื่องของฝีมือแรงงานรวมทั้งสามารถสร้างรายได้ อีกทั้งยังช่วยเพิ่มมูลค่าของสินค้าให้สูงขึ้น จากเดิมเครื่องปั้นดินเผาจะมีองค์ประกอบเพียงแค่ดินและทองเหลือง รวมถึงใช้สีฝุ่นในการผสม หรือวาดลวดลายเท่านั้น
สถาบันฯ ยังได้สนับสนุนสินค้าท้องถิ่นอย่างเต็มที่ด้วยการจัดกิจกรรม "ของขวัญปีใหม่จากท้องถิ่นสู่เมืองเลื่องชื่ออัตลักษณ์" โดยรวบรวมผลิตภัณฑ์เครื่องประดับ – เครื่องใช้ จากชุมชนต่างๆ เช่น เครื่องประดับที่ทดลองพัฒนารูปแบบอันทันสมัยจากดินด่านเกวียนจากนครราชสีมา เครื่องเงินบ้านกาดและวัวลายจากเชียงใหม่ และเครื่องประดับแก้วมูราโน่ที่กำลังเป็นที่นิยมทั่วโลกจากภูเก็ต มาจำหน่ายในราคาพิเศษอีกด้วย โดยขอเชิญทุกท่านเยี่ยมชมและซื้อสินค้าได้ที่ สถาบัน GIT อาคารไอทีเอฟ-ทาวเวอร์ ชั้น 1 ถนนสีลม เวลา 9.30 – 17.00 น. วันจันทร์ถึงวันศุกร์ ตั้งแต่วันนี้ – 15 ธันวาคม 2560 ทั้งนี้ เพื่อเป็นการสนับสนุนผู้ประกอบการท้องถิ่นให้มีรายได้ และผลักดันชื่อเสียงสินค้า OTOP จากภูมิภาคสู่ระดับโลกอย่างแท้จริง