กรุงเทพฯ--28 พ.ย.--อาร์เอส
ชิงระเบิดศึกศักราชใหม่ "อาร์เอส" โชว์วิสัยทัศน์ธุรกิจปี 2018 ชูแนวคิด Beyond the Limit ทำธุรกิจใหม่ไร้กรอบ ดันรายได้ 5,300 ล้านบาท พุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ รับอานิสงค์ทรานฟอร์มบิสิเนสสำเร็จ ชี้เฮลท์แอนบิวตี้มาแรงแซงมีเดีย เผย "ไลฟ์สตาร์" งัดกลยุทธ์ Product Champion คัดสรรและพัฒนาสุดยอดสินค้า เล็งคลอดนิวโปรดักส์เสริมทัพเพียบ ด้าน "ช่อง 8" ลุยกลยุทธ์ Primetime Focus ดึงคอนเทนต์พรีเมียมทั้งในและต่างประเทศเขย่าจอช่วงไพรม์ไทม์เช้าเย็น ฟาก "เพลง" วางกลยุทธ์ Artist Centric เริ่มใช้โลโก้ "อาร์สยาม" โฉมใหม่ 1 ธันวานี้ ต่อยอดมิวสิคมาร์เก็ตติ้ง เน้นโฟกัสคัดศิลปินตัวหลัก มุ่งทำแนวดนตรีไร้ขอบตอบโจทย์ทุกกลุ่มเป้าหมาย
ลาดพร้าว-นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) เชื่อมั่นตามที่ภาครัฐมองว่าเศรษฐกิจไทยปี 2018 จะสดใสและขยายตัวดีขึ้นมากกว่า 4% เมื่อเทียบกับปีนี้ เพราะได้ปัจจัยบวกหนุนหลายด้าน อาทิ ภาครัฐลงทุนพัฒนาประเทศอย่างเมกะโปรเจค, อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเติบโตต่อเนื่อง, ตัวเลขส่งออกสินค้าขยายตัว, มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างช้อปช่วยชาติ ขณะที่สถานการณ์การเมืองในประเทศมีเสถียรภาพ ส่งผลให้ประชาชนมีกำลังซื้อดีขึ้น สอดคล้องกับเม็ดเงินโฆษณาที่ส่งสัญญาณฟื้นตัว ดังนั้น บริษัทฯ จึงได้วางยุทธศาสตร์การดำเนินธุรกิจตามวิสัยทัศน์ปี 2018 ด้วยความรัดกุม รอบคอบ และชัดเจน ทำให้คาดว่าผลการดำเนินงานจะดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทั้งเติบโตก้าวกระโดดและแข็งแกร่ง
หลังอาร์เอสทรานฟอร์มธุรกิจสำเร็จ ขณะนี้กำลังเดินหน้าขับเคลื่อนองค์กรภายใต้แนวคิด "ทำธุรกิจใหม่ไร้กรอบ (Beyond the Limit)" รุกเปิดโอกาสตัวเองกับธุรกิจใหม่ๆ ที่น่าสนใจ โดยนำธุรกิจเรือธงที่มีประสิทธิภาพอยู่แล้ว ได้แก่ ไลฟ์สตาร์, ช่อง 8, คูล, เพลง และแซทเทิลไลท์ทีวี มาซีเนอจี้แบบทรงพลัง ด้วยบิสิเนสโมเดลที่เป็นเอกลักษณ์ (Unique) ไม่เหมือนใคร ช่วยส่งเสริมผลักดันให้ทุกธุรกิจในเครือมีศักยภาพยิ่งขึ้น อีกทั้งเชื่อว่าจะเป็นปีพิเศษที่น่าตื่นเต้น สนุก ท้าทาย ได้เห็น Turning Point จุดเปลี่ยนพลิกผันของบริษัทฯ รับอานิสงค์ธุรกิจเฮลท์แอนบิวตี้มียอดขายลบสถิติในเดือนก่อนหน้าอย่างต่อเนื่องทุกเดือน และยังทำมาร์จิ้นได้สูงกว่าคู่แข่งในตลาด ส่วนรายได้รวมปี 2018 วางไว้ 5,300 ล้านบาท ถือเป็นตัวเลขพุ่งทะยานสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แบ่งสัดส่วนมาจากธุรกิจเฮลท์แอนบิวตี้ 47% ตามด้วยธุรกิจสื่อ 46% ธุรกิจเพลง 5% และธุรกิจอีเวนต์ 2%
ทั้งนี้ "ไลฟ์สตาร์" ธุรกิจเฮลท์แอนบิวตี้ ตั้งเป้ารายได้ 2,500 ล้านบาท จากการใช้กลยุทธ์ Product Champion คัดสรรและพัฒนาสุดยอดสินค้ามาเสิร์ฟลูกค้า โดยปัจจุบันมี 3 แบรนด์เจาะ 3 ตลาด ได้แก่ "มาจีค" ทำตลาดกลุ่มสกินแคร์, "รีไวฟ์" ทำตลาดกลุ่มแฮร์แคร์ และ "เอส.โอ.เอ็ม" ทำตลาดกลุ่มอาหารเสริมซึ่งมีแผนจะส่งสินค้าใหม่อีกกว่า 30 รายการ จากทุกวันนี้มีแล้ว 37 รายการ ประเดิมต้นปี 2018 ส่งสินค้าใหม่ ได้แก่ มาจีค ยูธฟูล เรเดียนซ์ ดีท๊อกซิฟายอิ้ง อินสแตนท์ โกลว, มาจีค ยูธฟูล เรเดียนซ์ ซูพีเรีย โอเวอร์ไนท์ รีแพร์, เห็ดหลินจือพลัสชิตาเกะ, ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารมี-มอร์, ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารโกลดีวาส, รวมทั้งมีพันธมิตรใหม่หลายรายสนใจนำสินค้ามาจำหน่ายผ่านช่องทาง www.shop1781.com และ @Shop1781 บน LINE SHOP โดยวางระบบบริหารจัดการฐานลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งล่าสุดมีฐานลูกค้ามากกว่า 7 แสนราย และคาดว่าปีหน้าจะขยับขึ้นเป็น 1.5 ล้านราย
ด้าน "ช่อง 8" ตั้งเป้ารายได้ 2,000 ล้านบาท จากการใช้กลยุทธ์ Primetime Focus ในช่วงเวลา After 6 am/pm ดึงคอนเทนต์พรีเมียมทั้งในและต่างประเทศลงจอ ประกอบด้วย "ข่าว" ที่ครองแชมป์อันดับ 1 รายการข่าวของกลุ่มผู้ประกอบการหน้าใหม่ ภายใต้คอนเซ็ปต์ "เล่าง่าย ดูง่าย เข้าใจง่าย" ตามด้วยสุดยอดรายการ "มวย" ไทยและต่างประเทศเอาใจคอกีฬา รวมทั้งคว้าอภิมหา "ซีรีส์" บอลลีวู้ดโด่งดังระดับโลก 2 เรื่องใหม่ คือ "วัลลัภ มหาราชย์รักสุดแผ่นดิน" และ"พิฆเนศ มหาเทพไอยรา" ต่อด้วย "ละครใหม่" 10 เรื่องรวดที่ได้ดารานักแสดงนอกค่ายระดับแม่เหล็กมาร่วมงานเพียบ ปิดท้ายด้วยรายการใหม่ "เกมเรียงเบอร์"เกมโชว์วาไรตี้ดูทุกวันลุ้นเงินล้านทุกวันเจาะกลุ่มครอบครัว ทำให้คาดว่าสิ้นปีหน้าจะมียอดผู้ชม 7 แสนรายต่อนาที ขณะที่เตรียมปรับขึ้นค่าโฆษณาเพิ่มอีก45% เริ่มมีผลตั้งแต่เดือนมกราคม 2018 นี้ รวมทั้งจัดกิจกรรมการตลาดสร้างสีสันความสนุกให้แฟนๆ ทุกภูมิภาค ขณะเดียวกันเร่งขยายฐานผู้ชมต่อเนื่อง ทั้งออนไลน์ดึงคอนเทนต์มาไลฟ์สดบนเฟสบุ๊คคู่ขนานไปกับแพลตฟอร์มหน้าจอทีวี และตลาดต่างประเทศรุกขายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ละครไปยังประเทศเพื่อนบ้าน
ฟาก "ธุรกิจเพลง" เนื่องด้วยเป็นบริษัทเพลงรายเดียวในเมืองไทยที่รุกปรับตัวก่อนใคร อีกทั้งถนัดและทำได้ดี ดูได้จากมีรายได้สม่ำเสมอและทำกำไรแข็งแกร่งมาโดยตลอด ขณะเดียวกันเป็นต้นน้ำต่อยอดสร้างธุรกิจใหม่ๆ ได้ จึงยังไม่มีนโยบายจะยุติหรือยกเลิกทำแต่อย่างใด ตั้งเป้ารายได้ 250 ล้านบาท จากการใช้กลยุทธ์ Artist Centric ภายใต้คอนเซ็ปต์ "ดนตรีไร้ขอบ" ไม่ได้จำกัดอยู่ที่เพลงลูกทุ่งเพียงอย่างเดียว แต่เป็นค่ายเพลงที่ตอบโจทย์คนฟังครบถ้วนทุกแนวเพลง โดยเริ่มใช้โลโก้ "อาร์สยาม" โฉมใหม่วันที่ 1 ธันวาคมนี้ ขณะเดียวกันมองศิลปินเป็นคอนเทนต์รุกเพิ่มขีดความสามารถบริหารจัดการเพื่อสร้างรายได้ทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นรายได้งานโชว์ตัวตามคอนเสิร์ตและอีเวนท์ต่างๆ รวมไปถึงพรีเซนเตอร์สินค้า การแสดงทั้งละครและภาพยนตร์ เป็นต้น สตรีมมิ่งและดาวน์โหลดเพลง ตลอดจนจัดเก็บลิขสิทธิ์เพลง คาดว่าจะออกซิงเกิ้ลไม่ต่ำกว่า 40 เพลงต่อปี
ขณะที่ธุรกิจวิทยุ "คูลฟาเรนไฮต์" ใช้กลยุทธ์ DIGITAL TRANSFORMATION เร่งขยายฐานออนไลน์ต่อเนื่อง เจาะกลุ่ม GEN C ทุกเพศทุกวัยอายุระหว่าง 20-44 ปี ที่มีความคิดและพฤติกรรมเชื่อมต่อกับโลกออนไลน์ได้ตลอดเวลา ตอกย้ำความสำเร็จหลังผันตัวเองจาก RADIO วิทยุมาเป็น AUDIO เสียง ซึ่งมีฐานผู้ฟังออนไลน์เติบโตก้าวกระโดดเคียงคู่กับฐานผู้ฟังออนแอร์ที่แข็งแกร่ง โดยเตรียมอัดอีเวนต์ตลอดทั้งปีหวังเพิ่มมูลค่าคุ้มค่าผู้ซื้อเวลาโฆษณา ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมซิกเนเจอร์ของบริษัทฯ อย่าง COOL OUTING ที่จัดทุกไตรมาสต่อเนื่องเป็นปีที่ 13, อิ๊งค์ EAT ALL AROUND กิจกรรมพาไปกิน... เดี๋ยวบินกลับทั้งในและต่างประเทศ พร้อมนำเสนอกิจกรรมใหม่ๆ ที่ตอบโจทก์ไลฟ์สไตล์ อาทิ Sport Event และ COOL Degree Beyond Rewards ระบบสะสมเวลาการฟังบนแอพพลิเคชั่นเพื่อนำมาแลกรับของรางวัลสุดคูล