กรุงเทพฯ--28 พ.ย.--กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ประสาน 12 จังหวัดภาคใต้ ได้แก่ ชุมพร นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล รวมถึงศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 11 สุราษฎร์ธานี เขต 12 สงขลา และเขต 18 ภูเก็ต เตรียมพร้อมรับมือฝนตกหนักต่อเนื่องช่วงวันที่ 27 – 28 พ.ย.60 พร้อมระดมสรรพกำลัง วัสดุ อุปกรณ์ และเครื่องจักรกลด้านสาธารณภัยประจำพื้นที่เสี่ยงภัย กำชับหน่วยปฏิบัติในพื้นที่ประสานข้อมูลด้านสภาพอากาศ สถานการณ์น้ำ และปริมาณฝนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อปฏิบัติการป้องกัน แก้ไขปัญหา และให้การช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ภาคใต้ได้ทันต่อสถานการณ์
นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบสภาพอากาศกับกรมอุตุนิยมวิทยา พบกว่า มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังแรงพัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ ทำให้ภาคใต้มีฝนตกชุกหนาแน่นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งในช่วงวันที่ 27 – 28 พฤศจิกายน 2560 โดยพื้นที่ที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบ 12 จังหวัด ได้แก่ ชุมพร นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล ประกอบกับปริมาณฝนที่ตกสะสม อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ประสาน 12 จังหวัดภาคใต้ รวมถึงศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 11 สุราษฎร์ธานี เขต 12 สงขลา และเขต 18 ภูเก็ต เตรียมพร้อมรับมือฝนตกหนักและสถานการณ์ภัยที่อาจเกิดขึ้น โดยจัดเจ้าหน้าที่ติดตามสถานการณ์น้ำและสถานการณ์ภัยอย่างใกล้ชิด รวมถึงจัดเตรียมสรรพกำลังวัสดุ อุปกรณ์ และเครื่องจักรกลด้านสาธารณภัยประจำพื้นที่เสี่ยงภัย เพื่อให้พร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัย ทั้งนี้ ปภ. ได้สั่งระดมทรัพยากรด้านสาธารณภัย ทั้งเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพร้อมด้วยเครื่องจักรกลด้านสาธารณภัย อาทิ เครื่องสูบน้ำ เรือท้องแบน รถผลิตน้ำดื่ม โดยสนธิกำลังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าประจำพื้นที่เสี่ยงให้พร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัย พร้อมทั้งได้กำชับให้หน่วยปฏิบัติในพื้นที่ประสานข้อมูลด้านสภาพอากาศ สถานการณ์น้ำ และปริมาณฝนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อกำหนดแนวทางและมาตรการในการป้องกัน แก้ไขปัญหา และให้การช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ภาคใต้ได้ทันต่อสถานการณ์ ทั้งนี้ จังหวัดดำเนินการตามแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอย่างเป็นระบบและสอดคล้องกับสภาพความเสี่ยงภัยในพื้นที่ อย่างไรก็ตาม ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยติดตามสถานการณ์น้ำ ปริมาณน้ำ สถานการณ์ฝนพื้นที่ในอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งปฏิบัติตามคำแนะนำของภาครัฐอย่างเคร่งครัด ท้ายนี้ หากประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัย สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป