กรุงเทพฯ--28 พ.ย.--พลัส พร็อพเพอร์ตี้
พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารและจัดการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร เปิดศูนย์ให้บริการซื้อ ขายโครงการใหม่และบริการฝากขาย-เช่าโครงการรีเซล ภายใต้ชื่อ PLUS Shop เปิดให้บริการแล้ว 4 แห่ง ช็อปล่าสุดอยู่ด้านหน้าโครงการ เดอะไลน์ จตุจักร – หมอชิต ถือเป็นทำเลศักยภาพที่ตอบโจทย์วิถีคนกรุงเทพฯที่เดินทางด้วยรถไฟฟ้า BTS และยังเป็นจุดเชื่อมต่อรถไฟฟ้า MRT ให้ลูกค้าได้เลือกชมสต๊อกห้องพร้อมอยู่ รวมถึงโครงการคุณภาพ ด้วยบริการอย่างมืออาชีพที่เปิดให้บริการทุกวัน
นายอนุกูล รัฐพิทักษ์สันติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารและจัดการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร เปิดเผยว่า พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ได้ทำการเปิดศูนย์ให้บริการด้านการขายอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร "PLUS Shop" เพื่อเพิ่มช่องทางให้กับผู้บริโภคได้เข้าถึงบริการได้สะดวกขึ้น โดยในศูนย์ดังกล่าวมีสต๊อกที่อยู่อาศัย เพื่อขาย และเพื่อเช่า ของห้องชุดในโครงการ อาทิ ออนิกซ์ พหลโยธิน, เดอะ เวอร์ติเคิล อารี, เดอะ ไลน์ ราชเทวี, ไอดีโอ คิว สยาม – ราชเทวี, ริทึ่ม รางน้ำ, โนเบิล รีฟอร์ม รวมถึงยังมีบริการรับฝากขาย-เช่า สำหรับลูกค้าและนักลงทุนที่ใช้บริการผ่านพลัสฯ จึงเป็นเสมือนศูนย์กลางในการขายอสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบของ One Stop Contact ปัจจุบันได้เปิดให้บริการแล้ว 4 แห่ง บนทำเลศักยภาพ โดย 3 แห่งแรกเปิดให้บริการที่หัวหิน ภูเก็ต และในโครงการ T77 และล่าสุดเปิดที่ โครงการ เดอะ ไลน์ จตุจักร –หมอชิต เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน 2560 ที่ผ่านมา ซึ่งปรากฏว่าได้รับการตอบรับจากผู้ที่สัญจรไปมาดีเกินคาด เนื่องจากทำเลของช็อปใหม่นี้ ตั้งอยู่ในจุดที่ติดกับรถไฟฟ้า BTS ซึ่งเป็นระบบขนส่งที่มีผู้โดยสารหนาแน่น มียอดใช้บริการต่อวันสูงถึง 15,000 คน อีกทั้งยังเป็นจุดเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า MRT นอกจากนี้ยังตั้งอยู่บนทำเล ที่แวดล้อมไปด้วยอาคารสำนักงานของบริษัทชั้นนำหลายบริษัท รวมถึงอยู่ใกล้ศูนย์การค้า สวนสาธารณะ และตลาดนัดจตุจักรซึ่งเป็นแหล่งช็อปปิ้งที่ได้รับความนิยมทั้งจากชาวไทยและชาวต่างชาติ
สำหรับการให้บริการรับฝาก-เช่า อสังหาริมทรัพย์ก็ถือเป็นอีกหนึ่งบริการได้รับความสนใจค่อนข้างสูงจากลูกค้าและนักลงทุนในส่วนที่ต้องการนำที่อยู่อาศัยกลับมาขายใหม่ (รีเซล) ซึ่งจากผลการวิจัยของพลัสฯพบว่า ในส่วนของตลาดคอนโดมิเนียมรีเซลเป็นตลาดได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากราคาขายของตลาดรีเซลโดยส่วนใหญ่เฉลี่ยที่ต่ำกว่าโครงการเปิดตัวใหม่ในทำเลเดียวกันค่อนข้างมาก คิดเป็นราคาต่ำกว่าราคาขายคอนโดมือหนึ่งที่พึ่งเปิดใหม่ประมาณ 26 - 44% โดยเมื่อเปรียบเทียบโครงการที่เปิดขายในช่วงไม่เกิน 5 ปีที่ผ่านมาพบว่าโดยภาพรวมราคารีเซลมีราคาต่ำกว่าโครงการที่เปิดใหม่อยู่ที่ 33% โดยโซนที่ราคามีความแตกต่างมากสุดคือโซนริมแม่น้ำ (ต่างกันถึง 44%) สำหรับย่านศูนย์กลางธุรกิจ (CBD) ได้แก่ โซนเพลินจิต-ชิดลม-อโศก แตกต่างจากโครงการเปิดตัวใหม่ 26% โซนพร้อมพงษ์-ทองหล่อ ราคาแตกต่างประมาณ 28% โซนสีลม-สาธร ราคาแตกต่างกันอยู่ที่ 26% สำหรับโซนพระรามเก้า-ศูนย์วัฒนธรรม ราคาแตกต่างกันอยู่ที่ 32% โซนราชเทวี –พญาไท ราคาแตกต่างกันประมาณ 38% ส่วนโซนสนามเป้า-หมอชิต ราคาแตกต่างประมาณ 32% ส่วนโซนพระโขนง – อ่อนนุช ราคาแตกต่างกันประมาณ 30% ซึ่งสภาพอาคารของโครงการรีเซลเหล่านี้มักได้รับการดูแลอย่างดี ไม่แตกต่างจากโครงการใหม่มากนัก แม้ว่าวัสดุหรือรูปแบบอาจจะแตกต่างจากโครงการใหม่บ้าง แต่จากราคาที่ต่ำกว่าในทำเลที่ดีไม่ต่างจากโครงการใหม่ จึงทำให้ตลาดรีเซลได้รับการตอบรับที่ดี ปัจจัยหลักมาจากราคาที่สามารถจับต้องได้ง่ายกว่า และทำเลบางแห่งที่ไม่มีโครงการใหม่ๆ เกิดขึ้นแล้ว
สำหรับการเปิดช็อปดังกล่าวนับเป็นการเปิดประสบการณ์ให้กับผู้บริโภคได้เข้ามาทดลองใช้บริการในความเป็นมืออาชีพของพลัส ที่ไม่เพียงแต่มีบริการแนะนำที่อยู่อาศัยให้ตอบโจทย์กับความต้องการแล้ว ยังสามารถพาไปชมห้องตัวอย่างและโครงการได้ตามที่ลูกค้าต้องการ รวมถึงลูกค้าที่เข้ามาเยี่ยมชมช็อปก็จะทราบโปรโมชั่นของที่อยู่อาศัยโครงการอื่น ในย่านต่างๆ ที่น่าสนใจในขณะนั้นอีกด้วย โดยช็อปดังกล่าวเปิดบริการทุกวันระหว่างเวลา 09:00-18:00 น.น. จึงสร้างความสะดวกแก่ลูกค้าเป็นอย่างมาก
"การเปิดให้บริการ PLUS Shop เป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญของพลัสฯ ที่ให้ความสำคัญกับการให้ลูกค้าเป็นศูนย์กลาง และใช้เป็นกลยุทธ์หลักในการดำเนินธุรกิจมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่เหนือความคาดหวัง สัมผัสถึงความเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารและจัดการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจรที่มีการให้บริการที่แตกต่าง และสร้างบริการที่เพิ่มมูลค่าให้กับที่อยู่อาศัยในอนาคต ด้วยบริการระดับพรีเมี่ยม" นายอนุกูล กล่าว