กรุงเทพฯ--30 พ.ย.--Worklink PR
ความต้องการใช้งานอุปกรณ์-ระบบดับเพลิงพุ่ง ภาครัฐและเอกชนเดินหน้าลงทุน กฎหมายควบคุมอาคาร โรงงาน ช่วยหนุน ลุยประมูลงานโครงการต่อเนื่อง เตรียมปิดดีล 10-12 โครงการ มูลค่า 200 ล้านบาท ขณะที่ผลประกอบการ 9 เดือน กวาดกำไร 94.55 ล้านบาท โต 78.94% จ่ายปันผลระหว่างกาล 0.07 บาท/หุ้น 7 ธ.ค.นี้
นายทักษิณ ตันติไพจิตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไฟร์เทรดเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) (FTE) ผู้นำธุรกิจนำเข้าและจำหน่าย บริการออกแบบ รับเหมาติดตั้ง ซ่อมแซม ตรวจสอบอุปกรณ์-ระบบดับเพลิงครบวงจร เปิดเผยว่า ทิศทางการดำเนินธุรกิจช่วงไตรมาส 4 มีแนวโน้มที่ดีอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทมั่นใจว่ารายได้จะเติบโต 20% ในปีนี้ หรือมีรายได้รวมอยู่ที่ประมาณ 1,000 ล้านบาท และสามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้นไว้ที่ระดับไม่ต่ำกว่า 13%
ขณะเดียวกันคาดว่าในปี 2561 ตลาดอุปกรณ์และระบบดับเพลิงจะมีความต้องการใช้งานเพิ่มมากขึ้น โดยเป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของการลงทุนภาครัฐ การลงทุนของภาคเอกชนในกลุ่มธุรกิจต่างๆ อาทิ นิคมอุตสาหกรรม ภาคการผลิต ท่องเที่ยว อสังหาริมทรัพย์ ฯลฯ อีกทั้งยังมีปัจจัยสนับสนุนจากการบังคับใช้กฎหมายควบคุมอาคาร โรงงานอุตสาหกรรม ที่มีแนวโน้มกำหนดมาตรฐานของระบบดับเพลิงให้มีความปลอดภัยมากขึ้น
ทั้งนี้บริษัทมีแผนเข้าประมูลโครงการออกแบบ-ติดตั้งระบบดับเพลิง และนำเสนอผลิตภัณฑ์กับกลุ่มลูกค้าผู้รับเหมาอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันอยู่ระหว่างรอผลพิจารณางานออกแบบติดตั้งระบบดับเพลิงเพิ่มเติมอีก 10-12 โครงการ คิดเป็นมูลค่ารวมอยู่ที่ประมาณ 200 ล้านบาท คาดว่าจะทยอยทราบผลภายใน Q1/61 นี้ มั่นใจว่าบริษัทจะประมูลงานได้สำเร็จตามเป้าหมายและเริ่มดำเนินงาน-รับรู้รายได้ในช่วงต้นปีหน้า
"ในช่วงไตรมาส 4 บริษัทยังคงรับรู้รายได้จากงานคอนโดมีเนียมที่ทยอยเร่งส่งมอบงานภายในปีนี้ สำหรับโครงการใหญ่ที่มีความล่าช้าในช่วงที่ผ่านมา คาดว่าจะทยอยเห็นความชัดเจนในช่วงต้นปีหน้า ซึ่งจะส่งผลดีต่อการดำเนินงานของบริษัท ทำให้มีโอกาสเข้ารับงานอย่างต่อเนื่องในปี 61 อย่างไรก็ตามความล่าช้าที่เกิดขึ้นไม่กระทบต่อการดำเนินธุรกิจในปีนี้ เนื่องจากบริษัทมี Backlog ปัจจุบันอยู่ที่ 380 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้ประมาณ 150 ล้านบาท ซึ่งจะสามารถทำให้การเติบโตเป็นไปตามเป้าหมาย ส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้รายได้จนถึงปี 2561 – 2562"นายทักษิณ กล่าว
สำหรับผลประกอบการงวดไตรมาส 3/60 บริษัทมีรายได้รวม 279.88 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 77.25 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโต 38.12% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มีกำไรสุทธิ 40.10 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.20 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโต 91.87% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ขณะที่ผลประกอบการงวด 9 เดือนบริษัทมีรายได้รวม 732.56 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 129.11 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโต 21.39% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 94.55 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 41.71 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโต 78.94%
นอกจากนี้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท มีมติอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลงวด 1 เมษายน 2560 ถึง 30 มิถุนายน 2560 ให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตร 0.07 บาทต่อหุ้น หรือคิดเป็นอัตราจ่ายปันผล 44.42%32ของกำไรสุทธิงวด 9 เดือน จ่ายเงินปันผลเป็นเงินสดรวมทั้งสิ้น 42 ล้านบาท กำหนดจ่ายปันผลในวันที่ 7 ธันวาคม 2560