กรุงเทพฯ--26 พ.ย.--ก.พลังงาน
ก.พลังงาน จัดสัมมนา ร่วมหาทางออก รถแท็กซี่ ปรับเปลี่ยนเป็นเครื่องยนต์ NGV ย้ำร่วมกับ ปตท. หน่วยงานภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง เร่งสร้างความมั่นใจผู้ประกอบการแท็กซี่รอบด้าน ทั้งเร่งขยายเครือข่ายสถานีบริการNGV รองรับจำนวนแท็กซี่ จัดการการขนส่ง NGV ให้ครอบคลุมกับปริมาณความต้องการทุกพื้นที่
กระทรวงพลังงาน โดยกรมธุรกิจพลังงาน ได้จัดสัมมนาการส่งเสริมการใช้ก๊าซธรรมชาติ (NGV) เป็นเชื้อเพลิงในรถแท็กซี่ ณ สโมสรกองทัพบก กรุงเทพฯ โดยมีนายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธานในการสัมมนา พร้อมผู้บริหารระดับสูงจากกระทรวงพลังงาน อาทิ นายณอคุณ สิทธิพงศ์ รองปลัดกระทรวงพลังงาน ในฐานะประธานคณะกรรมการการส่งเสริมการใช้ก๊าซธรรมชาติ (NGV) เป็นเชื้อเพลิงในรถแท็กซี่ นายเมตตา บันเทิงสุข อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน บริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) ผู้ประกอบการรถแท็กซี่ ผู้ประกอบการสถานบริการ LPG และผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ และภาคเอกชนเข้าร่วมงานทั้งสิ้น 300 คน
นายปิยสวัสดิ์ กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่ต้องนำเข้าน้ำมันดิบจากต่างประเทศมากกว่า 95 % ทำให้ได้รับผลกระทบจากปัญหาราคาน้ำมันในตลาดโลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้น ในอดีตที่ผ่านมาจึงมีการหาทางออกด้วยการหันไปใช้ LPG หรือก๊าซหุงต้มแทนน้ำมันเบนซิน เพราะเป็นเชื้อเพลิงที่มีราคาถูกกว่าน้ำมันมาก รวมทั้งยังมีค่าติดตั้งถูกสามารถคุ้มทุนได้เร็ว และหาสถานที่เติมง่าย จึงทำให้เกิดความนิยมเปลี่ยนเชื้อเพลิงจากน้ำมันเป็น LPG อย่างแพร่หลายโดยเฉพาะในกลุ่มรถแท็กซี่ ทำให้การใช้ LPG เพิ่มขึ้นในภาคขนส่ง และทำให้ประเทศเกิดความเสี่ยงในการขาดแคลน LPG
แต่อย่างไรก็ตาม LPG เป็นเชื้อเพลิงที่มีมูลค่าสูง หากใช้ในภาคขนส่งจะเป็นการใช้ที่ไม่คุ้มค่า เปรียบเสมือน การนำไม้สัก มาเผาเป็นฟืน เพราะ LPG สามารถนำไปทำวัตถุดิบในอุตสาหกรรมปิโตรเคมีที่ให้มูลค่าสูงกว่า ประกอบกับเงินที่จ่ายชดเชยราคา LPG ก็เก็บมาจากราคาน้ำมันเบนซินและดีเซล ซึ่งไม่เป็นธรรมต่อผู้ใช้น้ำมันดังกล่าว ดังนั้น รัฐจึงมีนโยบายที่จะปรับ LPG ไปสู่ราคาที่แท้จริง โดยในระยะแรกจะเป็นการยกเลิกการชดเชยราคา แต่อย่างไรก็ตามรัฐบาลก็ได้ตระหนักถึงผลกระทบต่อผู้ใช้ LPG ที่จะตามมา จึงต้องเร่งส่งเสริมการใช้ NGV และมั่นใจว่าจะเป็นทางออกสำคัญ เพื่อบรรเทาผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อผู้บริโภค โดยเฉพาะกลุ่มแท็กซี่
การจัดสัมมนาในครั้งนี้ เพื่อสร้างความเข้าใจในนโยบายของรัฐที่จะส่งเสริมการใช้ NGV และชี้แจงแผนการดำเนินการเพื่อบรรเทาผลกระทบจากการปรับราคา LPG และเพื่อให้ผู้ประกอบการแท็กซี่ และผู้ประกอบการสถานีบริการ LPG มั่นใจได้ว่า NGV จะเป็นทางเลือกที่ก่อประโยชน์กับทุกฝ่าย รวมทั้งการสัมนนาในวันนี้ จะเป็นเวทีให้ผู้ประกอบการตลอดจนผู้ที่
เกี่ยวข้องได้มีส่วนร่วมในการแสดงข้อคิดเห็น และข้อเสนอแนะต่างๆ ซึ่งทางกระทรวงพลังงานจะรับไปดำเนินการเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดร่วมกัน “ภาครัฐได้คำนึงถึงผลกระทบของผู้ใช้ LPG ที่ราคาสูงขึ้น โดยเฉพาะกลุ่ม แท็กซี่ ที่มีรายได้ขึ้นกับมิเตอร์ จึงได้ส่งเสริมให้ใช้ NGV แทน และจัดตั้งคณะกรรมการ ฯ ขึ้นโดยมีตัวแทนจากกลุ่มผู้ประกอบการแท็กซี่ เพื่อร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการปรับเปลี่ยนเครื่องยนต์จาก LPG เป็น NGV โดยภาครัฐจะไม่คิดค่าใช้จ่าย และผลของการจัดสัมมนาในวันนี้ จะนำเสนอกับผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อนำมาปรับปรุงแผนการดำเนินงานให้สมบูรณ์ และขอความร่วมมือทุกฝ่ายปฏิบัติตามแผนต่อไป” นายปิยสวัสดิ์กล่าว
ทั้งนี้ เพื่อสร้างความมั่นใจแก่ผู้ประกอบการแท็กซี่ และผู้ที่สนใจจะปรับเปลี่ยนเครื่องยนต์เป็น NGV กระทรวงพลังงานได้เตรียมการส่งเสริม NGV รอบด้าน ได้แก่ การร่วมกับ บริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) เร่งปรับเปลี่ยนเครื่องยนต์สำหรับรถแท็กซี่ การเตรียมการ สร้างอู่ติดตั้งมาตรฐาน ผู้ตรวจและทดสอบรถยนต์ การกำหนดคุณภาพNGV และการตรึงราคาจำหน่าย NGV ให้อยู่ที่ 8.50 บาทต่อกิโลกรัม ไปจนถึงเดือนธันวาคม 2551
นอกจากนี้ จะได้เร่งแผนการขยายเครือข่ายสถานีบริการ NGV เพื่อรองรับจำนวนรถแท็กซี่ NGV ที่จะมีเพิ่มขึ้นในอนาคต ทั้งในด้านการขยายจำนวนสถานีบริการ NGV และการจัดการด้านการขนส่ง NGV ให้สอดคล้องกับปริมาณความต้องการใช้ของรถแท็กซี่ที่วิ่งให้บริการในแต่ละพื้นที่ เพื่อเป็นอำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบการรถแท็กซี่และผู้ใช้รถยนต์ทั่วไป