กรุงเทพฯ--4 ธ.ค.--IR network
"บล.แอพเพิล เวลธ์" คาดแรงซื้อ LTF – RMF กว่า 3 หมื่นล้านบาท ลุยหุ้นไทยปลายปี ดัน SET เดือน ธ.ค. ทะยานแตะ 1,750 จุด ชี้ งบ บจ.ไตรมาส 4/60 สุดแจ่ม แนะเก็บหุ้นกลุ่มธนาคาร BBL , KBANK ,SCB , KTB , TMB ค้าปลีก CPALL , BJC , ROBINS พลังงานปิโตรเคมี PTT,PTTEP, PTTGC ,IRPC และกลุ่มท่องเที่ยว AOT , AAV เข้าพอร์ต
นายอภิชัย เรามานะชัย รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ แอพเพิล เวลธ์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยในเดือน ธ.ค. 2560 มีแนวโน้มแกว่งตัวขึ้นในกรอบ 1,690 –1,730 จุด และมีโอกาสปรับตัวขึ้นไปทดสอบระดับ 1,750 จุดได้ จากแรงหนุนของแรงซื้อกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ที่คาดว่าจะมีประมาณ 3 หมื่นล้านบาท รวมทั้ง SET จะยังได้แรงหนุนจากโมเมนตัมกำไรในไตรมาสที่ 4/2560 ของบริษัทจดทะเบียนที่มีโอกาสฟื้นตัว QoQ และ YoY โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ กลุ่มพลังงาน กลุ่มค้าปลีก ท่องเที่ยวและสายการบิน เป็นต้น
"กลุ่มธนาคารพาณิชย์ คาดสินเชื่อในไตรมาส 4 นี้มีโอกาสขยายเร็วขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโดยวางเป้าสินเชื่อไว้ที่ 4 %,กลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี ยังได้แรงหนุนจากแนวโน้มราคาน้ำมัน WTI ที่ยังทรงตัวเหนือระดับ 55ดอลลาร์/บาร์เรล , กลุ่มสินค้าบริโภคและค้าปลีกได้แรงหนุนจากมาตรการช้อปช่วยชาติ ส่วนกลุ่มท่องเที่ยวและสายการบินได้แรงหนุนจากคาดจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติปีนี้ 35.5 ล้านคน และปีหน้าคาดที่ 38 ล้านคน" นายอภิชัยกล่าว
ส่วนปัจจัยต่างประเทศ ให้ติดตามผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) โดยเบื้องต้นผลการประชุมเมื่อวันที่ พ.ย. ที่ผ่านมา คณะกรรมการหนุนการปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 1 ครั้งในการประชุมวันที่ 13 ธ.ค. นี้ ขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 1.25 –1.50 % อย่างไรก็ตาม จากแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐที่ยังฟื้นตัวได้ดีคาด GDP ปีนี้จะเติบโตที่ระดับ 2.4 % และอัตราการว่างงานอยู่ที่ 4.3 %
ในส่วนแนวโน้มเงินเฟ้อนั้นความเห็นของคณะกรรมการยังค่อนข้างแตกต่างกัน แต่จากดัชนีการใช้จ่ายส่วนบุคคล ( PCE ) ซึ่งเป็นดัชนีที่ใช้วัดเงินเฟ้อ ต.ค. คาดอยู่ที่1.4 % ยังต่ำกว่าเป้าหมายที่ 2 % ส่งผลให้ตลาดยังคาดการณ์เดิมคือคาดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยสหรัฐในปีหน้า อีก 3 ครั้ง ส่วน ECB นั้นจะเริ่มปรับลดวงเงิน QE ปีหน้าลงเหลือ 3 หมื่น ล. ยูโร/เดือน ตั้งแต่ ม.ค. –ก.ย. 61 แต่หากเศรษฐกิจยูโรมีสัญญาณอ่อนตัว ECB ยังพร้อมจะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป ในส่วนเงินเฟ้อยูโรโซนปีหน้าคาดยังชะลอตัวที่ระดับ 1.2 %
ส่วนการประชุมโอเปกกลุ่มโอเปกและนอกโอเปกตกลงขยายระยะเวลาลดกำลังการผลิตจำนวน 1.8 ล้านบาร์เรล/วัน ออกไปอีก 9 เดือน สิ้นสุดมาตรการในช่วงสิ้นปี 2561 โดยไนจีเรียและลิเบียจะไม่เพิ่มกำลังการผลิตในช่วงดังกล่าว และจะมีการพิจาณาทบทวนมาตรการอีกครั้งในช่วง มิ.ย. 61 หากมาตรการส่งผลให้ราคาน้ำมันเพิ่มตัวขึ้นร้อนแรงเกินไป จากข้อตกลงดังกล่าวจะส่งผลบวกต่อแนวโน้มราคาน้ำน WTI ในช่วง Q4 นี้ – Q1/61 สามารถทรงตัวเหนือระดับ 52 – 55 ดอลลาร์/บาร์เรลและอาจส่งผลให้ราคา Soft Commodity ปรับเพิ่มขึ้นตามทิศทางราคาน้ำมันได้
กลยุทธ์การลงทุน หากดัชนี SET ผ่านแนวต้าน 1,730 จุดพร้อมปริมาณการซื้อขายสูงกว่า 6 – 7 หมื่น ลบ. ให้เพิ่มพอร์ตโดยไว้เป้าหมายแนวต้านถัดไปที่ 1,750 – 1,780 จุด กลับกันหากดัชนี SET หลุดแนวรับ 1,670 – 1,680 จุด ให้ลดพอร์ตลง เนื่องจากดัชนีฯ มีความเสี่ยงจะปรับฐานลงสู่ระดับ 1,620 –1,650 จุดได้ แนะนำซื้อกลุ่มธนาคาร BBL , KBANK ,SCB , KTB , TMB / กลุ่มค้าปลีก CPALL , BJC , ROBINS / กลุ่มพลังงานปิโตรเคมี PTT,PTTEP, PTTGC ,IRPC / กลุ่มท่องเที่ยว AOT , AAV