กรุงเทพฯ--7 ธ.ค.--ทริปเปิล เอท ไอเดียส์
เจอเนสส์ ประเทศไทย โชว์ผลงานท็อปฟอร์มคว้ารางวัลยอดขายสูงสุดอันดับ 1 ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค โค่นมาเลเซียแชมป์เก่าขาดลอย พร้อมติดโผท็อป 3 ยอดขายสูงสุดแห่งปี ครองหัวตารางของเจอเนสส์ทั่วโลกร่วมกับมาเลเซียอันดับ 2 และออสเตรเลียรั้งอันดับ 3
ขึ้นแท่นเป็นผู้นำในธุรกิจขายตรงที่ได้รับความนิยมอย่างแท้จริง เจอเนสส์ โกลบอล (Jeunesse Global) บริษัทเครือข่ายขายตรงสัญชาติอเมริกา หนึ่งในผู้นำด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อการชะลอวัย อย่างได้ผล มีสำนักงานในกว่า 145 ประเทศทั่วโลก เป็นบริษัทอายุน้อยที่สุดที่สามารถทำรายได้แตะระดับ พันล้านเหรียญสหรัฐได้อย่างรวดเร็วตั้งแต่มีอายุได้เพียง 5 ปี และมีอัตราการเติบโตแบบก้าวกระโดด อย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ทำการก่อตั้งบริษัทเมื่อปี 2009 ล่าสุดรั้งอันดับ 14 ในทำเนียบบริษัทขายตรงโลก หรือ DSN Global 100 ด้วยตัวเลขผลประกอบการรวมทั่วโลกปี 2016 ที่ทะลุกว่า 1.4 พันล้านเหรียญ ดอลล่าร์สหรัฐ และมียอดรายได้สะสมตลอด 8 ปีสะพัดแล้วกว่า 4,000 ล้านเหรียญดอลล่าร์สหรัฐ และจากการคำนวณด้านยอดขายประจำปี 2017 ทะลุ 1 พันล้านเหรียญดอลล่าร์สหรัฐเรียบร้อยแล้ว
ตอกย้ำความสำเร็จด้วยยอดรวมของผลประกอบการที่เติบโตอย่างต่อเนื่องในทุกภูมิภาค อาทิ ยุโรป อเมริกาใต้ อเมริกาและเอเชีย ซึ่งในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาสามารถทำยอดขายรวมทั่วโลกได้มากกว่า 1 พันล้านเหรียยดอลล่าร์สหรั{ฐต่อปี โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคที่มียอดขายเติบโตมากเป็นอันดับ 1 ของทั่วโลก ซึ่งเจอเนสส์ (ประเทศไทย) สามารถคว้ารางวัลประเทศที่มียอดขายสูงสุดอันดับ 1 ของภูมิภาค เอเซียแปซิฟิคมาครองได้เป็นปีแรก ตามด้วยมาเลเซียและออสเตรเลียตามลำดับ อันเป็นผลมาจากการ เปิดตัวผลิตภัณฑ์ NV เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งสามารถทำยอดขายให้กับประเทศไทยได้มากกว่า ประเทศอื่นๆ ซึ่งถ้าหากดูมูลค่าการตลาดของผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเครื่องสำอางสีสัน ประเทศไทยและ เกาหลีใต้มีมูลค่าการตลาดที่ใกล้เคียงกัน คาดว่า NV Be the the Envy ซึ่งเป็นรองพื้นแบบแอร์สเปรย์ จะเป็นไลน์ผลิตภัณฑ์ที่จะช่วยเข้าไปขยายตลาดได้ดี ขณะที่ฟิลิปปินส์ สามารถคว้าตำแหน่ง Rising Star หรือประเทศที่มีอัตราการเติบโตสูงสุด ประจำปี 2016 ไปครองได้สำเร็จ
ขณะเดียวกัน เจอเนสส์ โกลบอล ได้ทำการฉลองชัยและประกาศศักดาความยิ่งใหญ่ให้กับสมาชิก ทั่วโลกกว่า 50,000 รหัส ด้วยการจัดงานประชุมใหญ่ระดับนานาชาติ ครั้งที่ 8 ประจำปี 2017 หรือ Jeunesse Expo Elevate World Tour 2017 ในรูปแบบ World Tour ที่หมุนเวียนต่อเนื่องไปยัง 5 ประเทศใน 5 ภูมิภาคทั่วโลกอย่างยิ่งใหญ่ตระการตา โดยประเทศไทยได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพจัดงาน สำหรับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก มียอดผู้เข้าร่วมงานกว่า 10,000 ราย ภายใต้แนวคิด "ยกระดับ" หรือ "Elevate" เพื่อสื่อถึงการยกระดับเครือข่ายธุรกิจและแสดงวิสัยทัศน์ของปี 2018 พร้อมชูกลยุทธ์เด่นด้วย ลูกเล่นฟีเจอร์ใหม่ใน J Mobile แอปพลิเคชั่นหลักของสมาชิกเจอเนสส์ทั่วโลกให้สอดรับกับการ ใช้สื่อโซเชียลผ่านโลกออนไลน์
คริส คูเปอร์ (Chris Cooper) ผู้อำนวยการประจำภูมิภาคเอเชีย – แปซิฟิค, แอฟริกา และตะวันออกกลาง บริษัท เจอเนสส์ โกลบอล จำกัด กล่าวถึงความสำเร็จของการจัดงานเอ็กซ์โปใน ครั้งนี้ว่า "ปีนี้เจอเนสส์จัด Jeunesse Expo ใน 5 ภูมิภาคทั่วโลก คือ มาเก๊า สาธารณรัฐประชาชนจีน, กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย, มิลาน ประเทศอิตาลี, เซา เปาโล ประเทศบราซิล และปิดท้ายที่สำนักงาน ใหญ่ ณ ออร์ลันโด ประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสให้สมาชิกในทุกมุมโลกสามารถเข้าร่วม ได้มากยิ่งขึ้น โดยในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคมีประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ภายใต้ชื่องาน Jeunesse Expo World Tour -2017 Bangkok ใช้งบประมาณในการจัดงานราว 112 ล้านบาท ซึ่งจัดงานออกมาได้ ยอดเยี่ยมและสร้างความประทับใจให้กับผู้ร่วมงานกว่า 8,700 คนเป็นอย่างมาก ทำให้ประเทศไทยได้ รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพในการจัดงาน Jeunesse Expo ในปี 2018 เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน"
สำหรับเจอเนสส์ ประเทศไทย "ผมมองว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่น่าลงทุนในอุตสาหกรรม ขายตรงเป็นอย่างมาก ซึ่งเจอเนสส์ ได้เล็งเห็นถึงจุดนี้และเข้าดำเนินการจัดตั้งสำนักงานใหญ่แห่งแรกใน ประเทศไทยเมื่อปี 2011 ถือเป็นตลาดแรก ๆ ที่เราเข้าไปลงทุนนอกอเมริกา ปัจจุบันเจอเนสส์ประเทศไทยมี สำนักงานทั้งหมด 2 แห่ง และยังคงทำผลงานด้านยอดขายที่โดดเด่นและเติบโตอย่างต่อเนื่องขึ้นทุกปี โดยตอนนี้มียอดขายบวก 10% จากปีก่อนหน้า รวมถึงการรับหน้าที่ดูแลอีก 2 ประเทศคือ กัมพูชาและ เวียดนาม โดยเดือนหน้าจะจัดงาน Jeunesse Discovery ในกรุงพนมเปญเป็นครั้งแรก" คริส คูเปอร์ กล่าวเพิ่มเติม
ในไตรมาสที่ผ่านมาเจอเนสส์ทำการเปิดตัวชุดผลิตภัณฑ์แต่งหน้า NV "Be The Envy" ซึ่งมาในรูปแบบแอร์สเปรย์เพื่อให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคนในยุคปัจจุบันที่ต้องการความรวดเร็ว ในขณะเดียวกันก็ให้ผลลัพธ์เป็นผิวหน้าที่ดูเนียนเป็นธรรมชาติ และอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่เพิ่งทำการ เปิดตัวอย่างเป็นทางการในงานเอ็กซ์โปที่ผ่านมาคือ Luminesce HydraShield Mask นวัตกรรมเพื่อ ความอ่อนเยาว์ชิ้นล่าสุดในกลุ่มลูมิเนสส์ แผ่นมาส์คผลิตจาก BioCellulose สกัดจากน้ำมะพร้าว ทำให้แนบสนิทกับผิวหน้าเหมือนกับเป็นผิวชั้นที่สอง พร้อมให้ความรู้สึกเย็นสบาย ผ่อนคลาย และไม่เลื่อนหลุดง่าย ช่วยให้ผิวนุ่ม ชุ่มชื่น แลดูสดใสและอ่อนเยาว์ตลอด 24 ชั่วโมง
เดนนิส วินด์เซอร์ (Dennis Windsor) ประธานเจ้าหน้าที่การพัฒนา ซึ่งร่วมทีมกับเจอเนสส์ ตั้งแต่ปี 2016 รับผิดชอบในการขยายธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ กล่าวเสริมถึงแนวทางและแผนกลยุทธ์ ทางการตลาดในประเทศไทย ประจำปี 2018 ว่า "ในปีหน้านอกเหนือจากการพัฒนาด้านการตลาดในทุก ประเทศทั่วโลก เจอเนสส์จะเน้นการพัฒนาตัวบุคคลากรให้มากขึ้นด้วย โดยจัดกิจกรรมเพื่อฝึกฝนพื้นฐาน การขายสินค้าและสร้างผู้นำที่แข็งแกร่งให้แต่ละประเทศ เน้นการพัฒนานักธุรกิจและทำการปรับเปลี่ยน รูปแบ การจัดงานเพื่อให้ความรู้กับนักธุรกิจมากขึ้น พร้อมเปลี่ยนชื่อจากงานเชิดชูเกียรติหรือ The Star มาเป็น Jeunesse University โดยมีแกนสำคัญคือการสร้างเครือข่าย การสร้างแรงบันดาลใจ และการมี เป้าหมายที่ชัดเจน เพื่อส่งเสริมให้นักธุรกิจเจอเนสส์ประสบความสำเร็จในเป้าหมายของตัวเอง จะจัดงาน ครั้งแรกในช่วงเดือนพฤษภาคมปีหน้า และเบื้องต้นจะมี 25 ประเทศทั่วโลกที่ใช้แพลตฟอร์มนี้"
"ส่วนเจอเนสส์ ประเทศไทยจะทำการรุกตลาดในเวียดนามและกัมพูชาอย่างจริงจัง ขณะที่ด้าน ผลิตภัณฑ์ยังคงได้รับการพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง โดยวางแผนเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่มาเสริมทัพอีก หลายตัว และมีนโยบายที่จะให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางในการผลิตสินค้าให้มากยิ่งขึ้น นอกเหนือจาก สินค้าเดิมที่ไทยผลิตมาก่อนหน้านี้ ได้แก่ J-Coffee, Vidacell, BBB และ A4 ซึ่งเราพยายามจะเปิดตัว ผลิตภัณฑ์ใหม่ในทุกไตรมาส เริ่มตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี 2018 เป็นต้นไป และคาดว่าในปีหน้าจะเป็น ปีทองของธุรกิจขายตรง ซึ่งเจอเนสส์ ประเทศไทยจะเดินหน้าอย่างแข็งแกร่ง มียอดรวมสมาชิกมากกว่า 400,000 รหัสอย่างแน่นอน"
นอกจากนี้เจอเนสส์ยังคงมุ่งมั่นที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือเยาวชนในถิ่นห่างไกลตาม แนวทางของโครงการเจอเนสส์ คิดส์ (Jeunesse Kids) ควบคู่ไปกับการทำตลาดในกว่า 120 ประเทศ โดยเน้นให้ความช่วยเหลือในด้านความเป็นอยู่ การศึกษาและสุขอนามัย ซึ่งในงานเอ็กซ์โปที่ผ่านมา เฉพาะในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคสามารถระดมเงินทุนได้มากกว่า 1.6 ล้านบาท และจับมือพันธมิตรอย่าง มูลนิธิ ซี.ซี.เอฟ.เพื่อเด็กและเยาวชนในพระบรมราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อร่วมกันจัดทำโครงการคลังอาหารในครัวเรือน เพื่อให้เด็กๆ มีอนาคตที่สดใสและ สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน ซึ่งได้ทำการมอบพันธุ์พืชและพันธุ์ปศุสัตว์ไปแล้วใน 4 จังหวัด คือ ยโสธร, อำนาจเจริญ, อุบลราชธานี และสกลนคร และวางแผนจัดโครงการต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า