กรุงเทพฯ--8 ธ.ค.--Med Agency
กองบรรณาธิการข่าว เว็บไซต์สุขภาพ medhubnews.com รายงานว่า เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 60 ณ โรงแรมเอเชีย ทางศูนย์วิจัย และพัฒนาการป้องกันและจัดการภัยภิบัติ คณะพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ( นิด้า ) NIDA
ได้จัดให้มีการเสวนาหัวข้อ "เจาะลึกประเด็นร้อนโรงไฟฟ้าถ่านหิน – บุหรี่ไฟฟ้า นวัตกรรม ช่วยลดผลกระทบเชิงลบด้านสิ่งแวดล้อม และ สุขภาพได้จริงหรือ ?
ซึ่งเป็นเวลากลาง มีนักวิชาการเข้าร่วมมากมาย เช่น หม่อมหลวง กรกสิวัฒน์ เกษมศรี ,ผศ.ประสาท มีแต้ม ,รศ.ดร.ชาลี เจริญลาภนพรัตน์ ประจำภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ฯลฯ
โดย ศาสตราจารย์ ดร. ศิวัช พงษ์เพียจันทร์ ผอ.ศูนย์วิจัยและพัฒนาการป้องกันและจัดการภัยพิบัติ คณะพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม ทำหน้าที่ดำเนินการเสวนา มีสื่อมวลชนเข้าร่วมฟังข้อเท็จจริงมากมาย เนื่องจากข่าวสารที่ออกมาด้านเดียวทำให้เกิดความสับสน
ศาสตราจารย์ ดร. ศิวัช ระบุว่า ทางศูนย์วิจัยฯ เป็นเป็นตัวกลางในการจัดเสวนาเพื่อให้นำเสนอข้อเท็จจริงสองด้านจากนักวิชาการ นักสิทธิมนุษยชน คุณมาริษ กรัณยวัฒน์ เครือข่ายลาขาดควันยาสูบ ENDS Cigarette Smoke Thailand ( ECST ) เจ้าของเพจ "บุหรี่ไฟฟ้าคืออะไร"
รวมทั้ง กลุ่มผู้บริโภค เพื่อนำข้อถกเถียงสองด้านให้ประชาชน และรัฐบาลได้รับรู้ และร่วมกันตัดสินใจเพื่อหาทางออกสำหรับการกำหนดนโยบายสาธารณะให้เหมาะสมกับปัจจุบัน ที่มีนวัตกรรมลดอันตรายจากบุหรี่ ( Tobacco Harm Reduction )
"ที่ผ่านมาเรามักจะได้ยินคำกล่าวอ้างที่ว่า โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อน และ เรื่องของบุหรี่ไฟฟ้า ในลักษณะเสียงคัดค้าน ซึ่งเป็นการพูดหรือโน้มน้าวจากบุคลากรทางด้านสาธารณสุขว่า บุหรี่ไฟฟ้า เป็นสิ่งอันตรายมาก
มีสารพิษเทียบเท่ากับเฮโรอีน ซึ่งเป็นข้อความเท็จ ดังนั้นจึงต้องมาถกเถียงกัน เนื่องจากทั่วโลกได้ดำเนินการกำหนดเป็นนโยบายสาธารณสุขเกือบหมดแล้ว เพราะมีงานวิจัยรองรับ ซึ่งส่วนใหญ่จะดำเนินการในประเทศที่พัฒนาแล้ว"
ทั้งนี้ ผลการวิจัยจากสหรัฐอเมริกา อังกฤษ นิวซีแลนด์ ฯลฯ ยืนยันว่าการเผาไหม้คือกระบวนการที่ก่อให้เกิดสารพิษที่เป็นอันตราย การพัฒนาเทคโนโลยีที่ลดการเผาไหม้จะช่วยลดความเสี่ยงต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมได้ เป็นนวัตกรรมทางเลือกที่ทั่วโลกให้การยอมรับแล้ว"
ขณะที่ในโลกออนไลน์ได้มีการแสดงความคิดเห็นมากมาย ซึ่งเชื่อกันว่าเมื่อทุกประเทศได้ดำเนินการในลักษณะเดียวกัน ผู้ที่เซ็นเอกสารใน พรบ.ควบคุมฯ จะมีความผิด และ มีมลทินติดตัว จนไร้อนาคตทางราชการ