กรุงเทพฯ--28 ก.ย.--ปตท.
เพื่อสนองนโยบายของกระทรวงพลังงาน ในการใช้เชื้อเพลิงจากก๊าซธรรมชาติทดแทนน้ำมัน โดยเฉพาะจากแหล่งก๊าซธรรมชาติในประเทศ บริษัทปตท. จำกัด (มหาชน) และบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) ได้ร่วมลงนามในกรอบความร่วมมือดำเนินการทดลองร่วม 3 ฝ่าย เพื่อนำก๊าซธรรมชาติที่เป็นผลพลอยได้จากการผลิตปิโตรเลียม ณ ฐานผลิตหนองตูม-เอ จังหวัดสุโขทัยในโครงการเอส 1 ซึ่ง ปตท.สผ.เป็นผู้ดำเนินการอยู่ไปใช้ประโยชน์ โดยคาดว่าจะสามารถทดแทนการใช้น้ำมันดีเซลได้ประมาณปีละ 7.3 ล้านลิตร หรือคิดเป็นมูลค่า 177ล้านบาทต่อปี
พิธีลงนามในโครงการทดลองนำก๊าซธรรมชาติที่เป็นผลพลอยได้จากการผลิตน้ำมันดิบมาใช้ประโยชน์แทนการเผาทิ้ง ซึ่งมีนายวิเศษ จูภิบาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเป็นประธานและสักขีพยาน จัดขึ้นที่อาคารสำนักงานใหญ่ของบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) เมื่อ 28 กันยายน พ.ศ. 2548 โดยมีนายนภดล มัณฑะจิตร อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และนายมารุต มฤคทัต กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน)หรือ ปตท.สผ. ร่วมลงนาม
กรอบความร่วมมือของทั้ง 3 หน่วยงาน จะเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับฐานผลิตหนองตูม-เอ โดยกระทรวงพลังงานมุ่งเน้นให้ผู้รับสัมปทานปิโตรเลียมในประเทศพัฒนาศักยภาพทางด้านเทคโนโลยีการผลิตเพื่อนำพลังงานธรรมชาติมาใช้ให้เกิดประโยชน์กับประเทศมากขึ้น
โครงการทดลองนี้จะมีระยะเวลาประมาณ 2 ปี โดยจะนำก๊าซธรรมชาติที่ผลิตขึ้นมาพร้อมน้ำมันดิบ (Associated Gas) ซึ่งปกติถูกเผาทิ้งในขบวนการผลิตน้ำมันดิบ ณ ฐานผลิตหนองตูม-เอ มาผ่านขั้นตอนให้อยู่ในรูปของเหลวหรือ Liquefied Natural Gas (LNG) ก่อนที่จะขนส่งโดยรถบรรทุกไปยังจังหวัดกำแพงเพชร เพื่อแปรสภาพให้เป็น Compressed Natural Gas หรือ CNG สำหรับจำหน่ายให้ผู้บริโภคใช้ทดแทนน้ำมันเชื้อเพลิงในภาคขนส่งต่อไป
ปตท.จะเป็นผู้รับภาระในการสร้างโรงงานผลิต ท่อส่งก๊าซ และมาตรวัด รวมทั้งการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่ผลิตได้ โดยโครงการทดลองฯ นี้มูลค่าการลงทุนประมาณ 130 ล้านบาท โดยโรงงานจะก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมเริ่มทดลองผลิตในปริมาณ 8 ตันต่อวันเป็นเบื้องต้นก่อนตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2548 และจะเพิ่มการผลิตเป็น 15.5 ตันต่อวันตามสัญญาในราวเดือนกุมภาพันธ์ 2549 โดยก๊าซส่วนนี้ ปตท. จะจำหน่ายให้กับบริษัท KNR Group ซึ่งจะจัดหารถหัวลากใช้ก๊าซ NGV มาใช้งานให้ทันในวันที่ 1ธันวาคมนี้ด้วย และตลอดระยะเวลาในการดำเนินโครงการทดลองฯ นี้จะมีการเก็บรวบรวมข้อมูล และประเมินความเป็นไปได้ทั้งในทางเทคนิคการผลิต และเชิงพาณิชย์
โครงการทดลองการนำก๊าซธรรมชาติที่ฐานผลิตน้ำมันหนองตูม-เอ มาใช้ประโยชน์แทนการเผาทิ้งนี้จะสร้างมูลค่าให้กับก๊าซที่ปัจจุบันเผาทิ้งนี้คาดว่าจะสามารถผลิต LNG ได้ 15.5 ตันต่อวัน ซึ่งสามารถทดแทนการใช้น้ำมันดีเซลได้ประมาณปีละ 7.3 ล้านลิตร หรือคิดเป็นมูลค่า 177 ล้านบาท ที่ราคาดีเซล 24.19 บาทต่อลิตร ฐานผลิตน้ำมันหนองตูม-เอ เป็นฐานผลิตหนึ่งในพื้นที่สัมปทานเอส 1 แหล่งน้ำมันสิริกิติ์ ซึ่งเป็นแหล่งน้ำมันบนบกเชิงพาณิชย์แหล่งแรกและใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ครอบคลุม 3 จังหวัด คือ สุโขทัย พิษณุโลก และกำแพงเพชร ปัจจุบันฐานผลิตน้ำมันหนองตูม-เอ สามารถการผลิตก๊าซธรรมชาติได้ประมาณ 2.5 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน และคาดว่าในระยะยาวจะมีศักยภาพในการผลิตก๊าซธรรมชาติได้เฉลี่ยประมาณ 1-2 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน
ตลอดระยะเวลา 2 ปีของโครงการทดลองการนำก๊าซที่ฐานผลิตน้ำมันหนองตูม-เอมาใช้ประโยชน์แทนการเผาทิ้ง กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ จะทำหน้าที่ควบคุมการบริหารโครงการ ควบคุมมาตรฐานความปลอดภัยของโรงงาน รวมถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และตรวจสอบ รวบรวมผลการดำเนินงาน ในขณะเดียวกัน ปตท.สผ.จะดูแลในด้านการส่งก๊าซให้กับโรงงานผลิตและพัฒนาปิโตรเลียมสำหรับแหล่งหนองตูม-เอให้มีศักยภาพสูงสุด เพื่อส่งก๊าซธรรมชาติให้กับโรงงานผลิตของ ปตท. ซึ่งควบคุมและดูแลโรงงานผลิต LNG รวมทั้งการจัดจำหน่ายและศึกษาความเป็นได้ทั้งในทางเทคนิคการผลิตและเชิงพาณิชย์เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
ม.ล.สิทธิไชย ไชยันต์ โทร.0-2537 4592
พัลลภ ลิ่มสกุล โทร 0-2537 4507
จักร ศรีนาคนันทน์ โทร.0-2537 4583--จบ--