กรุงเทพฯ--13 ธ.ค.--ASV Inter Group
สำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร(กฟก.) ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ กับ มูลนิธิสัมมาชีพ เมื่อวันที่ 7ธันวาคม 2560 ณ ห้องประชุม 3 สำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร อาคารซีอีซี ถ.กำแพงเพชร 6 แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร
นายสไกร พิมพ์บึง รองเลขาธิการสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร เปิดเผยว่า การลงนามในบันทึกข้อตกลงในครั้งนี้ เป็นความร่วมมือระหว่าง สำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร และมูลนิธิสัมมาชีพ ซึ่งทั้ง 2 หน่วยงานมีเจตนารมณ์ร่วมกันพัฒนาศักยภาพเกษตรกรและองค์กรเกษตรกร รวมถึงการพัฒนาส่งเสริมการฝึกอบรมทางด้านวิชาการ เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้แก่เกษตรกร องค์กรเกษตรกร และพนักงานของสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร เพื่อสร้างโอกาสการเรียรู้การจัดการวิสาหกิจชุมชน การทำเกษตรอินทรีย์ การวางแผนการผลิต แผนธุรกิจ แผนการตลาด และมาตรฐานการผลิต เพื่อเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการประกอบอาชีพเกษตรกรรมอย่างครบวงจรและพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน
การลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในครั้งนี้ มีสาระสำคัญคือ กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร จะกำหนดให้หน่วยงานที่อยู่ในการกำกับดูแล เข้ามามีส่วนร่วม สนับสนุนการดำเนินงาน เพื่อให้การขับเคลื่อนกิจกรรมการพัฒนาการเรียนรู้ของเกษตรกร รวมทั้งการให้การสนับสนุนข้อมูล เอกสาร งบประมาณ เครื่องมือ อุปกรณ์ และบุคลากรสนับสนุนการดำเนินงานให้บรรลุผลสำเร็จที่ตั้งไว้ และร่วมสร้างฐานองค์ความรู้ ส่งเสริม สนับสนุน เพื่อพัฒนาการเรียนรู้เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งแก่เกษตรกรและพนักงานของสำนักงาน ให้การสนับสนุนข้อมูล เอกสาร งบประมาณ เครื่องมือ อุปกรณ์ และบุคลากรการสนับสนุนการดำเนินงาน ภายใต้การให้คำแนะนำของมูลนิธิสัมมาชีพ ในส่วนของมูลนิธิสัมมาชีพ จะเป็นผู้รับผิดชอบการทำหลักสูตรการฝึกออบรม การถ่ายทอดองค์ความรู้ การเสริมสร้างองค์ความรู้เพื่อยกระดับและพัฒนาเกษตรกรสมาชิกกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร โดยมุ่งเน้นพัฒนาศักยภาพความเข้มแข็งขององค์กรเกษตรกรในการประกอบการเศรษฐกิจฐานรากตามนโยบายรัฐบาล Thailand 4.0 และพัฒนาความรู้ด้านการจัดการวิสาหกิจชุมชน การทำเกษตรอินทรีย์ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและสร้างความเข้มแข็งของเกษตรกร โดยสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรเป็นผู้สนับสนุนงบประมาณตามกิจกรรม
สำหรับความร่วมมือระหว่าง 2 หน่วยงาน นับเป็นภารกิจที่สำคัญในการประสานความร่วมมือ เพื่อนำไปสู่การพัฒนาคุณภาพด้านการเกษตรของประเทศ ซึ่งกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรมีเกษตรกรสมาชิกที่อยู่ในความดูแลประมาณ 5.7 ล้านคนที่กำลังรอคอยการช่วยเหลือ สนับสนุน ส่งเสริมความรู้จากภาครัฐโดยสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรให้ดีขึ้น เน้นให้เกษตรกรทำการเกษตรแบบครบวงจรตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง การลงนามในบันทึกข้อตกลงในวันนี้จึงเป็นประโยชน์ต่อสำนักงานกองทุนฟื้นฟูฯ เป็นอย่างยิ่ง นายสไกร กล่าว