กรุงเทพฯ--13 ธ.ค.--กลุ่มสารนิเทศการคลัง กระทรวงการคลัง
ในการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2560 คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบ
ร่างพระราชกฤษฎีกาและกฎกระทรวงตามมาตรการสร้างความเป็นกลางทางภาษีกรณีผลตอบแทนจากการฝากเงิน
ตามหลักการของศาสนาอิสลาม เนื่องจากหลักการของศาสนาอิสลาม (หลักชาริอะฮ์) มิให้มีการจ่ายหรือรับดอกเบี้ย แต่ใช้การแบ่งปันผลกำไรหรือขาดทุนจากผลตอบแทนจากการค้าและการลงทุน และการรับความเสี่ยงร่วมกันระหว่างลูกค้ากับธนาคาร อย่างไรก็ดี ผลิตภัณฑ์เงินฝากตามหลักการของศาสนาอิสลามมีลักษณะทำนองเดียวกับเงินฝากออมทรัพย์และเงินฝากประจำ ผลตอบแทนจากการฝากเงินตามหลักการของศาสนาอิสลามจึงควรได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีเช่นเดียวกับผลตอบแทนจากการฝากเงินกับสถาบันการเงินอื่น ดังนี้
1. ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับผลตอบแทนจากการฝากเงินเป็นรายเดือนติดต่อกัน
ไม่น้อยกว่า 24 เดือน โดยมียอดเงินฝากแต่ละคราวเท่ากัน แต่ไม่เกิน 25,000 บาทต่อเดือน และรวมแล้วไม่เกิน 600,000 บาท
2. ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับผลตอบแทนจากการฝากเงินทำนองเดียวกับเงินฝากออมทรัพย์ เฉพาะกรณีได้รับผลตอบแทนรวมไม่เกิน 20,000 บาท
3. ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับผลตอบแทนจากการฝากเงินทำนองเดียวกับเงินฝากประจำที่มีระยะเวลา 1 ปีขึ้นไป แต่รวมแล้วไม่เกิน 30,000 บาทและได้รับผลตอบแทนเมื่ออายุไม่ต่ำกว่า 55 ปี
ทั้งนี้ มาตรการดังกล่าวจะทำให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาระหว่างผลตอบแทนจากการฝากเงินทั่วไปกับการฝากเงินตามหลักการของศาสนาอิสลามมีความเท่าเทียมกัน อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มช่องทางการออมของประชาชนโดยทั่วไป เนื่องจากการรับฝากเงินตามหลักการของศาสนาอิสลามไม่ได้จำกัดเฉพาะผู้ที่นับถือศาสนาอิสลามเท่านั้น ตลอดจนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศด้านการให้บริการทางการเงิน