กรุงเทพฯ--13 ธ.ค.--ปตท.
เพิ่มความสะดวก และความมั่นใจให้กับผู้บริโภคขึ้นไปอีกขั้น สร้างประสบการณ์ใหม่ในการซื้อสินค้าและบริการที่ง่ายดาย ด้วย Dynamic QR Code เพียงสแกนก็ชำระเงินได้ทันที โดยไม่ต้องใช้เงินสด และไม่ต้องระบุจำนวนเงินเอง หมดกังวลเรื่องจำนวนเงินไม่ตรงตามจริง อีกทั้งยังใช้ได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง และฟรีไม่มีค่าธรรมเนียม
นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และ นายปรีดี ดาวฉาย กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ให้เกียรติร่วมเป็นประธานในการแถลงข่าวโครงการ QR Code Payment ซึ่ง บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ร่วมกันจัดขึ้น ณ อาคาร ปตท. สำนักงานใหญ่ เพื่อสนองนโยบาย National e-Payment ของรัฐบาลโดยกระทรวงการคลัง และเป็นไปตามนโยบาย Thailand 4.0 ตลอดจนเป็นการตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค และอำนวยความสะดวกผู้บริโภคที่มาใช้บริการร้านค้าปลีกของ ปตท.
นางสาวจิราพร ขาวสวัสดิ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจน้ำมัน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปตท. มุ่งเน้นการนำเทคโนโลยีดิจิตัลมาใช้เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคและสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่ที่ต้องการความสะดวกและรวดเร็ว และใช้ Application บนโทรศัพท์มือถือทำธุรกรรมต่างๆ มากขึ้น
ปตท. จึงได้ร่วมกับธนาคารกสิกรไทยซึ่งมีความเชี่ยวชาญและมีศักยภาพมาร่วมงานพัฒนาระบบการชำระเงินด้วย Dynamic QR Code ที่จะอำนวยความสะดวกให้ผู้บริโภคไปอีกขั้น โดยผู้บริโภคไม่ต้องระบุจำนวนเงินเองให้ยุ่งยาก หมดกังวลเรื่องจำนวนเงินไม่ตรงตามจริง เพียงมี Application ที่ใช้จ่ายเงินด้วย QR Codeของธนาคารใดก็ได้ เมื่อซื้อสินค้าให้แจ้งร้านค้าว่าจะชำระด้วย QR จากนั้นสแกน QR Code ที่ปรากฏบนหน้าจอเครื่องรับบัตรเครดิต ก็สามารถชำระเงินได้ทันที โดย ปตท. ได้กำหนดให้ร้านค้าปลีกซึ่งเป็นจุดสัมผัสกับผู้บริโภค (Consumer Touch Point) ได้แก่ ร้านคาเฟ่ อเมซอน เท็กซัส ชิคเก้น แด๊ดดี้โด ฮั่วเซ่งฮง ติ๋มซำ ศูนย์บริการยานยนต์ฟิตออโต้ และร้านสะดวกซื้อจิฟฟี่ รวมกว่า 2,200 จุด เปิดรับชำระเงินค่าสินค้าและบริการด้วย QR Code โดยจะสามารถเริ่มใช้งานได้ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ตั้งแต่ต้นไตรมาส 2 ปี 2561 และจะขยายผลทั่วประเทศให้แล้วเสร็จในกลางปี 2561
นอกจากนี้ ปตท. ยังเตรียมต่อยอดการชำระเงินผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ และการใช้จ่ายผ่าน Application บนโทรศัพท์มือถือ โดยมีแผนพัฒนานวัตกรรมการเงิน e-Wallet Platform ขึ้นเพื่อให้ผู้บริโภคได้ใช้ซื้อสินค้า/บริการในธุรกิจค้าปลีก รวมถึงการเลือกซื้อสินค้าผ่าน Application บนโทรศัพท์มือถือได้อย่างสะดวกสบาย พร้อมได้รับสิทธิพิเศษหรือข้อเสนออันเป็นประโยชน์เฉพาะบุคคลที่ถูกออกแบบคัดสรรขึ้นจากการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก เพื่อที่จะพัฒนาคุณภาพการบริการ สร้างความประทับใจให้ผู้บริโภคในทุกมิติ จาก ปตท. หรือคู่ค้าชั้นนำ ในปี 2561
นายพัชร สมะลาภา รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า ความร่วมมือกับ ปตท. ในครั้งนี้ เป็นการตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านดิจิทัล แบงกิ้ง ของธนาคารกสิกรไทย โดยเป็นการร่วมกันสร้างดิจิทัล เพย์เม้นต์ แพลทฟอร์มให้กับธุรกิจค้าปลีกของ ปตท. ด้วยแนวคิด "Seamless Digital Lifestyle Experience" เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจสู่โมบาย เพย์เม้นต์ (Mobile Payment) เต็มรูปแบบและครบวงจร โดยนำเทคโนโลยีทางการเงินต่างๆ เข้ามาเสริมศักยภาพการแข่งขันในธุรกิจค้าปลีก ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีการเติบโตสูง และเต็มไปด้วยความท้าทายจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป โดยเฉพาะไลฟ์สไตล์การใช้จ่ายและการชำระเงินของลูกค้า
ธนาคารจะเริ่มนำร่องด้วยระบบรับชำระเงินที่พัฒนาเทคโนโลยี QR Code ให้เชื่อมต่อกับเครื่อง EDC ที่เชื่อมโยงระบบการขาย (Point of Sales: POS)ทำให้ลูกค้าที่มาใช้บริการในร้านค้าปลีกที่อยู่ภายใต้เครือ ปตท. สามารถชำระเงินค่าสินค้าหรือบริการผ่านโมบายแบงกิ้งได้ทุกธนาคาร โดยร้านค้าปลีกที่สามารถให้บริการคิวอาร์โค้ด ได้แก่ ร้านคาเฟ่ อเมซอน เท็กซัส ชิคเก้น แด๊ดดี้โด ฮั่วเซ่งฮง ติ่มซำ ศูนย์บริการยานยนต์ฟิตออโต้ และร้านสะดวกซื้อจิฟฟี่ ที่มีสาขาทั่วประเทศรวมกว่า 2,200 สาขา ธนาคารเชื่อมั่นว่า ด้วยศักยภาพเครือข่ายที่แข็งแกร่งของ ปตท. ที่มีอยู่ทั่วประเทศ จะทำให้การให้บริการใช้จ่ายด้วย QR Code ผ่านโมบาย แบงกิ้ง ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น นำไปสู่การทดลองใช้ให้เกิดความคุ้นเคย และแปรเปลี่ยนเป็นพฤติกรรมการใช้จ่ายด้วย QR Code ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน เช่น ค่าเครื่องดื่ม ค่าอาหาร เป็นต้น และผลักดันประเทศเข้าสู่สังคมไร้เงินสดเหมือนหลายประเทศชั้นนำทั่วโลก
นอกจากนี้ ธนาคารยังวางแผนพัฒนาระบบในการเชื่อมโยงข้อมูลของบัตร PTT Blue Card กับ application K PLUS เพื่อให้ลูกค้าที่ใช้จ่ายด้วยคิวอาร์โค้ดของ K PLUS สามารถสะสมแต้มได้ทันที ตลอดจนนำข้อมูลที่ได้ผ่านการใช้จ่ายด้วย QR Code ของลูกค้า มาเป็น Big Data ใช้ประโยชน์สำหรับการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อนำไปพัฒนาบริการที่ตอบโจทย์ลูกค้าให้ได้มากยิ่งขึ้น ตลอดจนการสร้างประสบการณ์ให้แก่ลูกค้า ซึ่งจะสามารถสร้างความผูกพันในระยะยาว และมูลค่าเพิ่มให้แก่ธุรกิจอีกด้วย