กรุงเทพฯ--13 ธ.ค.--โมเดิร์นเทียร์
หากจะกล่าวถึงโรคภัยไข้เจ็บในปัจจุบัน คงปฏิเสธไม่ได้ว่าผู้คนเข้ารับการรักษาในสถานพยาบาลเป็นจำนวนมาก จนทำให้อาคารและอุปกรณ์การแพทย์มีไม่เพียงพอ ส่วนผู้ป่วยยากไร้เองก็เป็นการยากนักที่จะได้รับสถานที่พักฟื้นในช่วงรับการรักษา หน่วยงานต่างๆ จึงมีความต้องการสนับสนุนในด้านนี้ เช่นเดียวกับบริษัท บูห์เล่อร์ (ไทยแลนด์) จำกัด ผู้นำด้านวิศวกรรมเครื่องจักรแปรรูปทางการเกษตร ในกลุ่มบริษัทบูห์เล่อร์ (Buehler Group) สัญชาติสวิสเซอร์แลนด์ ที่มีประวัติความเป็นมา และความเชี่ยวชาญในธุรกิจเครื่องจักร ระบบ และอุปกรณ์ในกระบวนการผลิตอาหารที่สะอาดและปลอดภัยสำหรับ คนและสัตว์ รวมถึงเทคโนโลยีระดับสูงที่ลดการใช้พลังงาน และคาร์บอนในการกระบวนการผลิตไดแคสติ้ง หล่ออโลหะ หมึก สี และอุตสาหกรรมการเคลือบผิวยาวนานกว่า 150 ปี และมีฐานลูกค้าที่สำคัญในกว่า 140 ประเทศทั่วโลก ก็เป็นอีกหนึ่งบริษัทที่ตระหนักถึงคุณภาพชีวิตของประชาชนโดยเฉพาะผู้ด้อยโอกาส และเพื่อสืบสานพระราชปณิธานสุดท้ายของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในการสร้างความเท่าเทียมและคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับผู้ป่วยด้อยโอกาส จึงได้จัดการประมูลเครื่องคัดแยกสีเมล็ดข้าว Buehler W7 รุ่น Limited Edition เนื่องในโอกาสครบรอบ 70 ปี เทคโนโลยีแห่งการคัดแยกที่ยอดเยี่ยม ซึ่งเป็นเครื่องที่ถูกออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อแก้ปัญหาการคัดแยกสีเมล็ดข้าวด้วยระบบออโตเมติกที่มีกำลังการผลิตสูงราคาเป็นกันเองเครื่องแรกและเครื่องเดียวของโลก มีกำลังการผลิตถึง 10 ตันต่อชั่วโมง เพิ่มประสิทธิภาพการตรวจจับคุณลักษณะความบกพร่องของเมล็ดข้าวผ่านหลอดไฟเรืองแสงแบบ LED ที่มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน 40,000 ชั่วโมง ทำให้ตัวเครื่องเป็นที่สนใจของผู้ประกอบการข้าวไทยมาก จากที่คาดการณ์ไว้ว่าจะมาเข้าร่วมการประมูลเพียงไม่กี่ราย แต่ปรากฏว่ามีผู้เข้าร่วมประมูลถึง 7 ราย สิ่งที่น่าสนใจนอกเหนือจากคุณสมบัติคือราคาที่ทางบริษัทได้เปิดประมูลโดยเริ่มต้นเพียง 500,000 บาทเท่านั้น ซึ่งต่ำกว่าราคาจริงที่ 1.65 ล้านบาททำให้บรรดาผู้ประกอบการอยากได้เครื่องจักรนี้ไว้ในครอบครอง การประมูลที่เกิดขึ้นเมื่อเร็วๆนี้ ถือว่าเป็นไปอย่างดุเดือด จากการเร่งเสนอราคากันอย่างไม่มีใครยอมใคร จนสุดท้ายคุณเอมอร ศุภรักษ์จินดา จาก บริษัท ศุภรักษ์อินเตอร์ไรซ์ จำกัด ผู้เสนอราคาสูงสุดที่ 1.37 ล้านบาทก็เป็นผู้ชนะไป ทำให้ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มเพราะไม่เพียงแต่เมื่อได้ไปแล้วจะทำให้การดำเนินธุรกิจเป็นไปอย่างง่ายดายและมีข้าวคุณภาพออกสู่ตลาดให้กับผู้บริโภคเท่านั้นแต่ยังได้ร่วมทำบุญด้วย เพราะรายได้จากการประมูลทั้งหมดทางบริษัทจะร่วมสมทบทุนสร้างอาคารนวมินทรบพิตร ๘๔ พรรษา โรงพยาบาลศิริราช
เงินกว่า 1.37 ล้านบาทนี้จะถูกนำไปเป็นส่วนหนึ่งของการเติมเต็มในตัวอาคารนวมินทรบพิตร ๘๔ พรรษา ซึ่งเป็นโครงการสุดท้ายของในหลวง ร.9 ที่จะแก้ไขปัญหาอาคารไม่เพียงพอกับจำนวนผู้ป่วยของโรงพยาบาล ซึ่งเป็นอาคารที่ต้องใช้งบประมาณในการก่อสร้าง 5,000 ล้านบาท มีทั้งหมด 25 ชั้น รองรับผู้ป่วย355 เตียง ห้องไอ.ซี.ยู 62 ห้อง โดยที่จะไม่มีห้องพิเศษ และคาดว่าในปีหน้าการก่อสร้างจะแล้วเสร็จ อันเป็นสัญญาณบอกให้ประชาชนชาวไทยได้รับรู้ถึงความเป็นห่วงที่พ่อหลวง รัชการที่ 9 ทรงมีให้กับทุกคนโดยไม่แบ่งชนชั้นวรรณะ และนี่เป็นเพียงหนึ่งความดีในการช่วยเหลือสังคมที่ทางบริษัทได้ปฏิบัติสืบต่อกันมาตลอดเท่านั้น ทางบริษัทให้คำมั่นสัญญาว่าจะช่วยเหลือสังคม และสานต่อพระราชปณิธานของพระองค์ควบคู่กับการผลิตเครื่องจักรที่มีคุณภาพออกมาเพื่อผู้ประกอบการแปรรูปในอุตสาหกรรมเกษตรทั่วโลก เพื่อผลิตพืชผลทางการเกษตรที่มีคุณภาพออกสู่ตลาดสืบไป