กรุงเทพฯ--14 ธ.ค.--กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ดร.วิวัฒน์ ศัลยกำธร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังการตรวจเยี่ยมและเป็นประธานการประชุมมอบนโยบายให้แก่กรมฝนหลวงและการบินเกษตร กรมพัฒนาที่ดิน และสำนักงานพัฒนาวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) ซึ่งเป็นหน่วยงานภายใต้การกำกับดูแล ว่า กรมฝนหลวงและการบินเกษตร เป็นหน่วยงานที่มีความสำคัญในการเข้าบรรเทาปัญหาวิกฤตภัยแล้ง และสภาพอากาศแปรปรวน ซึ่งเมื่อได้เข้ามาทำงานกำกับดูแลกรมฝนหลวงและการบินเกษตรจะยกระดับศักยภาพงานในพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 โดยเฉพาะโครงการฝนหลวง ที่ทรงทุ่มเทพระวรกายในการศึกษาด้านฝนหลวงด้วยพระองค์เอง จนขณะนี้การทำฝนหลวงได้มีการพัฒนาก้าวหน้าไปมาก โดยสามารถใช้ต้นทุนในการทำฝนหลวงเพียง 12 บาท ต่อไร่ ส่วนปริมาณน้ำฝนที่ได้รับขึ้นอยู่กับสภาพภูมิอากาศในขณะนั้น อย่างไรก็ตาม เมื่อได้ประชุมร่วมกับหน่วยงานทำให้ได้รับทราบถึงปัญหา จึงได้มอบนโยบายและจะให้การสนับสนุนในด้านต่างๆ ดังนี้
1. ด้านกรอบอัตรากำลังคน ซึ่งเป็นสิ่งแรกที่ต้องให้ความสำคัญ โดยจะมีการขอเพิ่มอัตรากำลังและความก้าวหน้าของบุคลากร ซึ่งต้องมีการเจรจาร่วมกันระหว่างสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบบริหารราชการ เพื่อให้สอดคล้องเหมาะสมกับความต้องการของหน่วยงาน
2. เพิ่มประสิทธิภาพกำหนดเป้าหมายในการปฏิบัติการฝนหลวง เนื่องจากปัญหาภัยแล้งจำเป็นต้องมีการเตรียมการวางแผนล่วงหน้าเพื่อรองรับฝนทิ้งช่วง จึงได้มอบหมายให้กรมฝนหลวงและการบินเกษตรวางแผนงานโดยมุ่งเน้นการปฏิบัติการฝนหลวงให้ตรงตามกลุ่มเป้าหมาย และพื้นที่ที่ประสบปัญหา ตลอดทั้งพัฒนาเทคโนโลยีฝนหลวง ซึ่งจะต้องสร้างศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านฝนหลวงในระดับนานาชาติและจัดตั้งโรงเรียนการบินขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม
3. การส่งเสริมความร่วมมือของประชาชนและการสร้างความเข้มแข็งในมวลชนอาสาสมัครฝนหลวง ซึ่งปัจจุบันกรมฝนหลวงมีอาสาสมัครฝนหลวงอยู่แล้ว แต่จะทำอย่างไรให้เกิดความเข้มแข็งมากขึ้นโดยให้ชาวบ้านในพื้นที่ได้เข้าไปมีส่วนร่วม เช่น ส่งเสริมให้ชาวบ้านมีการปลูกต้นไม้ เก็บกักน้ำ เพื่อให้เกิดความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศอย่างเหมาะสมที่จะทำฝนหลวงในพื้นที่ เป็นต้น
และ 4. การจัดตั้งกองทุนเพื่อสนับสนุนการปฏิบัติการฝนหลวง และดูแลความเป็นอยู่ของบุคลากรในสังกัด ซึ่งกรมฝนหลวงและการบินเกษตรเป็นหน่วยงานที่ปฏิบัติงานในช่วงฤดูการทำฝน จำนวน 8 เดือน (ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม ไปจนถึงสิ้นเดือนตุลาคม)โดยไม่มีวันหยุดราชการ อาจส่งผลให้บุคลากรมีความท้อถอยในการปฏิบัติงานได้ จึงควรสร้างขวัญและกำลังใจด้วยค่าตอบแทนที่เท่าเทียมสมเหตุสมผล
หลังจากนั้น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายการทำงานให้แก่ผู้บริหาร ข้าราชการ ของกรมพัฒนาที่ดิน โดยได้มอบหมายให้กรมพัฒนาที่ดินดำเนินงานตามนโยบายเดิมของกระทรวงเกษตรฯ เนื่องจากเป็นนโยบายที่ดี และให้การใช้ที่ดินเป็นไปอย่างถูกประเภท มีการบริหารจัดการที่ดี และในส่วนของดินเสื่อมโทรมก็ให้ดำเนินการฟื้นฟูตามแนวทางพระราชดำริ ที่ทรงปฏิบัติไว้เป็นแบบอย่าง ทั้งการปลูกหญ้าแฝก การแกล้งดิน การแก้ปัญหาดินเปรี้ยว ที่สำคัญจะต้องสนองงานตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยเฉพาะพระอัจฉริยภาพด้านดินให้สืบสานและส่งเสริมประสิทธิภาพเพื่อให้มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ในปี 2561 กรมพัฒนาที่ดินจะดำเนินการจัดงานวันดินโลกให้ยิ่งใหญ่สมพระเกียรติ เพื่อให้ปวงชนชาวไทยได้น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อปวงชนชาวไทย
นอกจากนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้เดินทางไปมอบนโยบายให้แก่ผู้บริหาร ข้าราชการ ของสำนักงานพัฒนาวิจัยการเกษตร(องค์การมหาชน) โดยจะสนับสนุนให้ สวก. สร้างนักวิจัยต้นทาง ทั้งด้านดิน ด้านน้ำ และด้านการทำฝนหลวง โดยให้งานวิจัยไปถึงชาวบ้าน