กรุงเทพฯ--14 ธ.ค.--เอ็ม ที มัลติมีเดีย
'ซีพีเอ็น รีท แมเนจเมนท์' ("ผู้จัดการกองทรัสต์") ชูจุดเด่นกองทรัสต์ CPNREIT เป็นกองทรัสต์ที่ลงทุนในศูนย์การค้าเป็นหลักที่มีขนาดทรัพย์สินใหญ่ที่สุดในไทย หลังแปลงสภาพจากกองทุนรวม CPNRF และเข้าจดทะเบียนซื้อขายหน่วยทรัสต์ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ช่วยเพิ่มความน่าสนใจในการลงทุน พร้อมโชว์ศักยภาพทรัพย์สินที่รับโอนและที่เข้าลงทุนเพิ่มเติมอยู่ในทำเลที่ดีและมีผลการดำเนินงานโดดเด่น ด้าน บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา ("CPN") พร้อมสนับสนุนกองทรัสต์ให้มีการลงทุนเพิ่มเติมในทรัพย์สินที่มีศักยภาพในอนาคต
นางสาววัลยา จิราธิวัฒน์ กรรมการ บริษัท ซีพีเอ็น รีท แมเนจเมนท์ จำกัด ในฐานะผู้ก่อตั้งทรัสต์และผู้จัดการกองทรัสต์ CPNREIT เปิดเผยว่า CPNREIT นับเป็นกองทรัสต์ที่เข้าลงทุนในศูนย์การค้าเป็นหลักที่มีขนาดทรัพย์สินใหญ่ที่สุดในประเทศไทยในปัจจุบัน หลังจากที่ดำเนินการแปลงสภาพจากกองทุนรวม CPNRF พร้อมทั้งรับโอนทรัพย์สินและเข้าลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติม ได้แก่ โครงการเซ็นทรัลเฟสติวัล พัทยา บีช และโรงแรมฮิลตัน พัทยา มูลค่ารวม 11,908 ล้านบาท โดยใช้เงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินทั้งจำนวน ตลอดจนได้เข้าจดทะเบียนซื้อขายหน่วยทรัสต์ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อย จึงเชื่อว่ากองทรัสต์ CPNREIT จะเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ผ่านการซื้อหน่วยทรัสต์เพื่อโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีและสม่ำเสมอในระยะยาว
สำหรับ ซีพีเอ็น รีท แมเนจเมนท์ มีบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการลงทุนในศูนย์การค้าและโรงแรม ขณะเดียวกัน กองทรัสต์ได้แต่งตั้งบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN ที่มีความเชี่ยวชาญการบริหารศูนย์การค้า ทำหน้าที่เป็นผู้บริหารทรัพย์สินของกองทรัสต์ในส่วนที่เป็นศูนย์การค้า และจะให้ 'ซีพีเอ็น พัทยา โฮเทล' ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ CPN ถือหุ้นร้อยละ 99.99 เป็นผู้เช่าช่วงโรงแรมฮิลตัน พัทยา โดยซีพีเอ็น พัทยา โฮเทล จะยังคงแต่งตั้งกลุ่มฮิลตัน ทำหน้าที่บริหารโรงแรมต่อไปเพื่อรักษาผลการดำเนินงานที่โดดเด่นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ผู้จัดการกองทรัสต์และที่ปรึกษาทางการเงิน ได้อ้างอิงข้อมูลผลประโยชน์ตอบแทนต่อหน่วยจากประมาณการงบกำไรขาดทุนตามสมมติฐาน โดยคาดการณ์ในช่วงวันที่ 1 มกราคม - 31 ธันวาคม 2561 กองทรัสต์ CPNREIT จะมีอัตราการจ่ายผลประโยชน์อยู่ที่ร้อยละ 9.05 ซึ่งคำนวณจากราคาหน่วยลงทุนกองทุนรวม CPNRF ที่ 18.5 บาทต่อหน่วย (ณ วันที่ 15 สิงหาคม 2560)
"กองทรัสต์ CPNREIT มีนโยบายเข้าลงทุนในทรัพย์สินประเภทศูนย์การค้าเป็นหลัก จาก CPN ซึ่งพร้อมให้การสนับสนุนกองทรัสต์ในการขยายการลงทุนในทรัพย์สินที่มีคุณภาพเพิ่มเติม โดยในอนาคตกองทรัสต์ยังมีแผนเข้าลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติมจาก CPN เพื่อเพิ่มขนาดทรัพย์สินของกองทรัสต์ให้ใหญ่ขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อการเพิ่มสภาพคล่องการซื้อขายและเพิ่มความน่าสนใจในการเข้าลงทุนหน่วยทรัสต์ CPNREIT โดยการลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติมในอนาคตนั้นจะขึ้นอยู่กับจังหวะเวลาที่เหมาะสม" นางสาววัลยา กล่าว
นายปรีชา เอกคุณากูล กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN ในฐานะเจ้าของทรัพย์สินที่กองทรัสต์CPNREIT รับโอนจากกองทุนรวม CPNRF และเข้าลงทุนเพิ่มเติม และผู้บริหารอสังหาริมทรัพย์ประเภทศูนย์การค้าของกองทรัสต์ กล่าวว่า ทรัพย์สินที่กองทรัสต์ CPNREIT รับโอนจากกองทุนรวม CPNRF ซึ่งประกอบด้วย โครงการเซ็นทรัลพลาซา พระราม 2 เซ็นทรัลพลาซา พระราม 3 เซ็นทรัลพลาซา ปิ่นเกล้า และเซ็นทรัลพลาซา เชียงใหม่ แอร์พอร์ต มีผลการดำเนินงานที่ดีมาโดยตลอด ส่วนทรัพย์สินที่เข้าลงทุนเพิ่มเติมโดยการลงทุนในสิทธิการเช่าเป็นระยะเวลา 20 ปี (สิ้นสุด 31 ส.ค. 2580) ได้แก่ (1) โครงการเซ็นทรัลเฟสติวัล พัทยา บีช มีอัตราการเช่าพื้นที่ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2559 และวันที่ 30 มิถุนายน 2560 สูงถึงร้อยละ 98.45 และร้อยละ 97.37 ตามลำดับ และ (2) โรงแรมฮิลตัน พัทยา มีอัตราการเข้าพักในปี 2559 และงวด 6 เดือนปี 2560 ร้อยละ 89.13 และร้อยละ 91.60 ตามลำดับ และมีค่าเช่าห้องพักเฉลี่ยในปี 2559 และงวด 6 เดือนปี 2560 อยู่ที่ 5,586บาทต่อคืน และ 6,487 บาทต่อคืนตามลำดับ ซึ่งถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี โดย CPN คาดการณ์ธุรกิจค้าปลีกและธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยว จะเติบโตได้ดีตามการขยายตัวของเศรษฐกิจ ซึ่งจะส่งผลดีต่อความต้องการเช่าพื้นที่ภายในศูนย์การค้าและอัตราการเข้าพักของโรงแรม
ทั้งนี้ บริษัทฯ พร้อมให้การสนับสนุนกองทรัสต์ CPNREIT ในการเข้าลงทุนเพิ่มเติมในทรัพย์สินของ CPN โดยการนำโครงการศูนย์การค้าทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ที่มีศักยภาพและผลการดำเนินงานที่ดีเสนอขายให้แก่กองทรัสต์ในอนาคต เพื่อระดมทุนนำมาใช้ดำเนินธุรกิจและขยายการลงทุนต่อไป โดย CPN ยังคงให้ความสำคัญกับการระดมทุนผ่านกองทรัสต์ โดยมองว่าเป็นหนึ่งในช่องทางการระดมทุนที่ดีผ่านตลาดทุน
นายสุทธิพัฒน์ เสรีรัตน์ รองผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสูงสุดวาณิชธนกิจและธุรกิจตลาดทุน ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน เปิดเผยว่า CPNREIT เป็นกองทรัสต์ที่มีทรัพย์สินที่มีศักยภาพและผลการดำเนินงานที่โดดเด่น จึงเชื่อว่าจะสร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่นักลงทุน ขณะเดียวกัน การแปลงสภาพจากกองทุนรวม CPNRF เป็นกองทรัสต์ CPNREIT ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการบริหารจัดการให้เป็นสากล ส่งผลให้กองทรัสต์สามารถเข้าลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติม และเข้าลงทุนในทรัพย์สินด้วยการกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินได้ ซึ่งเป็นโอกาสในการเพิ่มขนาดทรัพย์สินของกองทรัสต์ให้ใหญ่ขึ้นเพื่อเพิ่มความน่าสนใจต่อการเข้าลงทุนในหน่วยทรัสต์ ช่วยเพิ่มสภาพคล่องในการซื้อขาย และยังเป็นการกระจายลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติมในทำเลที่หลากหลาย นอกจากนี้ ผู้ถือหน่วยทรัสต์ยังมีโอกาสได้รับเงินจ่ายประโยชน์ตอบแทนต่อหน่วยเพิ่มขึ้นจากการเข้าลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติม
นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า หลังจากที่กองทรัสต์ CPNREIT เข้าลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติม ส่งผลให้กองทรัสต์มีสัดส่วนของอัตราเงินกู้ยืมต่อทรัพย์สินรวมอยู่ที่ประมาณร้อยละ 33.8 ซึ่งถือเป็นการเปิดโอกาสให้นักลงทุนได้รับประโยชน์จากการจัดโครงสร้างเงินทุนของกองทรัสต์ที่เหมาะสม ผ่านการกู้ยืมเงินซึ่งมีต้นทุนทางการเงินที่ต่ำกว่าต้นทุนของเงินทุน (Gearing Benefit) และนับว่าเป็นการใช้ประโยชน์จากการกู้ยืมเงินได้มากกว่ากองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งจะทำให้ผู้ถือหน่วยมีโอกาสได้รับผลตอบแทนเพิ่มขึ้น
"ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน มีความมั่นใจในศักยภาพของกองทรัสต์ CPNREIT เนื่องจากในอนาคตกองทรัสต์ยังสามารถเข้าลงทุนเพิ่มเติมในศูนย์การค้าหรือโรงแรมของกลุ่มเซ็นทรัลด้วยโครงสร้างเงินทุนที่เหมาะสม ส่งผลดีต่อการเพิ่มความน่าสนใจในการลงทุนในหน่วยทรัสต์ CPNREIT ให้แก่นักลงทุนสถาบันและรายย่อยทั้งในประเทศและต่างประเทศที่จะเข้ามาถือครองหน่วยทรัสต์เพิ่มขึ้นเพื่อรับผลตอบแทนที่มีความสม่ำเสมอ" นายมนตรี กล่าว