กรุงเทพฯ--15 ธ.ค.--ธนาคารกรุงศรีอยุธยา
กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่ามีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 32.50-32.75 ต่อดอลลาร์ เทียบกับระดับปิดอ่อนค่าที่ 32.65 ต่อดอลลาร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยการซื้อขายเป็นไปอย่างเงียบเหงา ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นและพันธบัตรไทยมูลค่า 5.3 พันล้านบาทและ 1.1 พันล้านบาทตามลำดับ ส่วนดอลลาร์แข็งค่าเทียบกับทุกสกุลเงินหลัก หลังมีความหวังว่าสหรัฐฯจะประสบความสำเร็จในการผลักดันแผนปฏิรูปภาษีได้เร็วกว่าที่ตลาดคาดไว้ ส่วนเงินเยนเคลื่อนไหวผันผวนโดยในช่วงแรกมีแรงซื้อเยน ซึ่งเป็นสกุลเงินปลอดภัยท่ามกลางความตึงเครียดครั้งใหม่ในตะวันออกกลาง แต่ข้อมูลจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯที่ออกมาแข็งแกร่งกดดันค่าเงินเยนสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์
กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ กรุงศรี มองว่า ตลาดจะให้ความสนใจกับการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) รวมถึงข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐฯ หลังจากอัตราการเติบโตของค่าจ้างในเดือนพฤศจิกายนสะท้อนว่าแรงส่งผ่านไปยังเงินเฟ้อยังคงอ่อนแอแม้อัตราการว่างงานจะอยู่ที่ระดับต่ำสุดในรอบ 17 ปี เราคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% สู่ระดับ 1.25-1.50% ในการประชุมวันที่ 13 ธันวาคม ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายของปีนี้ ขณะที่นักลงทุนจะจับตาการส่งสัญญาณการปรับขึ้นดอกเบี้ยในระยะถัดไป หากเฟดปรับลดประมาณการเดิมที่เคยบ่งชี้ถึงการขึ้นดอกเบี้ยอีก 3 ครั้งในปี 2561 หรือแสดงท่าทีกังวลที่เงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำเป็นเวลานาน เงินดอลลาร์อาจจะเผชิญแรงเทขายเนื่องจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับแนวโน้มนโยบายการเงินของสหรัฐฯ ในทางกลับกัน หากเฟดคงประมาณการทิศทางดอกเบี้ยไว้ตามเดิม ดอลลาร์จะสามารถประคองตัวได้ในระยะสั้น นอกจากนี้ สุนทรพจน์ของประธานาธิบดีทรัมป์เรื่องแผนปฏิรูปภาษี การประชุมธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) รวมถึงการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (บีโออี) ในสัปดาห์นี้จะส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการซื้อขายในตลาดการเงินเช่นกัน
นอกจากนี้ คณะกรรมาธิการยุโรป (อีซี) แถลงว่ามีความคืบหน้าในการเจรจากับอังกฤษประเด็นที่อังกฤษจะถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป (อียู) หรือ Brexit หลังจากมีการประนีประนอมเรื่องพรมแดนไอร์แลนด์และข้อตกลงทางการเงินสำหรับค่าหย่าร้าง (Divorce Bill) เพื่อออกจากการเป็นสมาชิก โดยวาระ Brexit จะเข้าสู่การประชุมสุดยอดผู้นำอียูในท้ายสัปดาห์นี้ อย่างไรก็ดี เงินปอนด์ขานรับข่าวเชิงบวกเพียงช่วงสั้นๆ ก่อนที่แรงซื้อจะลดลงอย่างรวดเร็วรวมทั้งมีการขายทำกำไรและขายเพื่อลดขาดทุนของนักลงทุน โดยเราคาดว่าค่าเงินปอนด์จะยังคงเคลื่อนไหวผันผวนต่อไป จนกว่าจะมีความชัดเจนมากขึ้นจากการประชุมบีโออีและอียูซัมมิท