กรุงเทพฯ--18 ธ.ค.--โตชิบา ไทยแลนด์
นายโตชิโระ อิชิวาตาริ ประธาน บริษัท โตชิบา ไลฟ์สไตล์ โปรดักส์ แอนด์ เซอร์วิส คอร์ปอ เรชัน (TLSC) ประเทศญี่ปุ่น ร่วมด้วยนายมาซาอากิ คิมูระ ประธาน บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด พร้อมคณะผู้บริหาร ร่วมแถลงข่าว"อนาคต และก้าวต่อไปของโตชิบา" ชูนโยบายและแผนการตลาดเชิงรุก รวมถึง 3 ประสาน ญี่ปุ่น จีน และไทย ดึงจุดแข็งมาสร้างความได้เปรียบเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ พร้อมตอกย้ำ โตชิบายังคงแข็งแกร่งและนำสิ่งที่ดีสู่ชีวิตคนไทย
นายโตชิโระ อิชิวาตาริ ประธาน บริษัท โตชิบา ไลฟ์สไตล์ โปรดักส์ แอนด์ เซอร์วิส คอร์ปอ เรชัน (TLSC) ประเทศญี่ปุ่น กล่าวว่า โตชิบา ไม่เคยหยุดนิ่งที่จะสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ดี ภายใต้มาตรฐานการดีไซน์และการผลิตจากประเทศญี่ปุ่น เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค โดยมุ่งเน้นด้านคุณภาพชีวิตและไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค จากการรวมกันของ TLSC และ Midea Group เมื่อกลางปี 2559 ที่ผ่านมา เรามุ่งเน้นการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์เพื่อรองรับกับความต้องการของตลาดโลก (Global Market) มากยิ่งขึ้น ขณะนี้เรากำลังพัฒนาโปรเจกต์ใหม่ร่วมกัน กว่า 50 โปรเจกต์ ที่อยู่ในระหว่างการดำเนินการ และอีกกว่า 10 ผลงานที่ได้เริ่มจำหน่ายในตลาดประเทศต่างๆแล้ว นอกจากการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ ออกสู่ตลาดโลกแล้ว เรายังได้ตั้ง IHQ (International Head Quarter) ขึ้นในประเทศไทย โดยจะเริ่มเปิดตัวเป็นทางการในเดือนมกราคม 2561 โดย IHQ จะเป็นเซ็นเตอร์ในการดูแลและบริหารงานต่างๆในแต่ละภูมิภาค โดยเน้นความสำคัญทางด้านการผลิต การตลาด และการขาย เพื่อให้สามารถผลิตสินค้าได้เหมาะสมและสอดคล้องกับความต้องการในแต่ละภูมิภาค รวมไปถึงการทำต้นทุนให้สามารถแข่งขันได้ และความรวดเร็วในการผลิต เพื่อรองรับการเติบโตของตลาด
นอกจากนี้ นายโตชิโระ อิชิวาตาริ ยังกล่าวตอกย้ำว่า TLSC ยังยืนยันเจตนารมย์เดิมที่โตชิบาจะยังคงเติบโต ยั่งยืน และก้าวไปด้วยกันกับคนไทย เรามุ่งเน้นและให้ความสำคัญกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ดี มีคุณภาพตามมาตรฐานญี่ปุ่น และคำนึงถึงไลฟ์สไตล์และความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก ทั้งนี้ เพื่อนำสิ่งที่ดีสู่ชีวิตคนไทย ตามสโลแกนโตชิบา
นายมาซาอากิ คิมูระ ประธาน บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด เปิดเผยว่า สำหรับตลาดในประเทศไทย ภาพรวมเศรษฐกิจ ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน อยู่ในช่วงฟื้นตัว และมีแนวโน้มดีขึ้น โดยเฉพาะปลายปี มีปัจจัยบวกหลายอย่างที่มาส่งเสริมสภาพเศรษฐกิจให้ดีขึ้น ทั้งจากการเติบโตของการท่องเที่ยว
การส่งออก อัตราการบริโภคภายในประเทศ รวมไปถึง GDP ที่เพิ่มสูงขึ้น หรือแม้แต่แคมเปญช้อปช่วยชาติที่เข้ามากระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยได้ดี
สำหรับตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านในปี 2560 ปริมาณความต้องการลดลงเล็กน้อย เนื่องจากฤดูร้อนที่ผ่านมา อากาศไม่ร้อนตามที่คาดการณ์ ส่งผลให้ยอดขายเครื่องปรับอากาศลดลงเกือบ 10% ส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้ากลุ่มอื่น อาทิ ตู้เย็น เครื่องซักผ้า และผลิตภัณฑ์เครื่องครัวยังมีการเติบโตอยู่ ส่วนตลาดทีวี มีการหดตัวเล็กน้อยในเรื่องปริมาณ แต่เติบโตในเชิงคุณภาพแทน โดยผู้บริโภคจะเลือกซื้อทีวีที่มีขนาดใหญ่ขึ้น และเน้นที่เป็น UHD4K และสมาร์ททีวีมากขึ้น
สำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจปีหน้า เชื่อว่าทั้งเศรษฐกิจโลก และเศรษฐกิจในประเทศไทยจะดีขึ้นเรื่อยๆ เราวางแผนที่จะขยายธุรกิจของเราให้เติบโตยิ่งขึ้น จากการที่มีผลิตภัณฑ์ใหม่ๆเพิ่มมากมาย อาทิ ตู้เย็น 1 ประตูสีใหม่ ตู้เย็น 2 ประตูไซส์เล็กลง แอร์อินเวอร์เตอร์รุ่นใหม่ ทีวี หม้อหุงข้าว และไมโครเวฟ เป็นต้น มากไปกว่านั้น บริษัทยังได้จัดทัพทีมผู้บริหารใหม่ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการตลาดและการขาย ซึ่งเราตั้งเป้าจะยังคงรักษาความเป็นแบรนด์ตู้เย็นเบอร์ 1 แบรนด์ Android TV เบอร์ 1 และมุ่งที่จะเป็นแบรนด์ผลิตภัณฑ์เครื่องครัวเบอร์ 1 ภายในเวลา 3 ปี สำหรับการขาย บริษัทตั้งเป้าเติบโต 10%
นายไบรอัน จ้าว รองประธาน บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด ส่วนงานการขายและการตลาดเปิดเผยว่า นอกจากความพร้อมด้านสินค้าที่มีหลากหลายแล้ว เราวางเป้าหมายชัดเจน ที่จะตอกย้ำสโลแกน "โตชิบา…นำสิ่งที่ดีสู่ชีวิต" ที่อยู่คู่คนไทยมากว่า 48 ปี โดยตั้งวิสัยทัศน์ที่จะเป็น Top 3 แบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าในประเทศไทย โดยนำองค์ความรู้ ประสบการณ์ และความแข็งแกร่งจากการร่วมมือกันของ 3 ประเทศ คือ ชื่อเสียง นวัตกรรม คุณภาพ และประสบการณ์อันยาวนานกว่า 140 ปี ของ Toshiba จากประเทศญี่ปุ่น ความได้เปรียบเรื่องทรัพยากรต่างๆ ความรวดเร็วในการซัพพลายสินค้า การทำวิจัยและพัฒนา (R&D) ผลิตภัณฑ์อย่างหนัก เพื่อพัฒนาสินค้าใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ของ Midea ประเทศจีน โดย Midea มีการลงทุนทางด้าน R&D กว่า 3,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา มีศูนย์วิจัย (Research Center) 17 แห่งใน 8 ประเทศทั่วโลก มีนักวิจัยผู้เชี่ยวชาญกว่า 10,000 คน และเป็นเจ้าของสิ่งประดิษฐ์ และสิทธิบัตรต่างๆกว่า 26,000 ชิ้น นอกจากนี้ Midea ยังมีฐานการผลิตในประเทศจีน 18 แห่ง และกระจายอยู่ในประเทศต่างๆทั่วโลกอีก 15 แห่ง ที่จะช่วยผลิตและซัพพลายสินค้าสำหรับส่งขายทั่วโลกได้อย่างรวดเร็ว และท้ายสุดประสบการณ์การขาย และการตลาดจากประเทศไทยกว่า 48 ปี ทั้ง 3 ส่วนรวมกันเพื่อผลักดันให้โตชิบา เป็นแบรนด์ชั้นนำที่อยู่ในใจผู้บริโภคตลอดไป
สำหรับนโยบายเชิงกลยุทธ์ เราให้ความสำคัญกับ 3 แกนหลักคือ การสร้างแบรนด์ โดยเน้นการรับรู้ และการสร้างความเชื่อมั่น ลูกค้า เน้นความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก รวมถึงการบริหารจัดการช่องทาง จัดจำหน่าย เพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคได้ง่าย และทั่วถึง และ สินค้า ต้องมีคุณภาพ มีความหลากหลาย และแข่งขันได้
ส่วนแผนการตลาดปีหน้า เราโฟกัส 3 เรื่อง คือ สินค้า นอกจากการเพิ่มไลน์สินค้าแล้ว เราให้ความสำคัญกับการอัพเกรดสินค้าให้มีคุณภาพและทันสมัยยิ่งขึ้น รวมไปถึงการเป็นผู้นำในสินค้าที่เป็นที่นิยม การสื่อสารการตลาด เราตั้งงบสำหรับโฆษณาและส่งเสริมการขาย ทั้ง Above the line และ Below the line มากถึง 12% เพื่อสร้างการรับรู้ ความเชื่อมั่น อันนำไปสู่การซื้อสินค้าโตชิบา โดยจะเน้นการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่างๆโดยเฉพาะ Online & Social Media การทำ Digital Marketing Localized Marketing รวมไปถึงการทำกิจกรรมส่งเสริมการขายให้เหมาะสมกับสินค้า ฤดูกาล และพื้นที่การขาย โดยจะมีแคมเปญออกมาต่อเนื่อง อาทิแคมเปญรับหน้าร้อน หน้าฝน หรือแม้แต่ World Cup การทำ Road Show และ Work Shop ไปยังกลุ่มเป้าหมายต่างๆเพื่อสร้างประสบการณ์การใช้สินค้า และยังคงเป็นสปอนเซอร์ให้กับทีมฟุตบอลเมืองทองยูไนเต็ด ต่อเป็นปีที่ 5 และสำหรับ ช่องทางการจัดจำหน่าย เรารุกการขายผ่านช่องทาง E-Commerce มากขึ้น เพื่อตอบรับกับเทรนด์ผู้บริโภค ที่ชอบความสะดวกสบาย นอกจากนี้ยังเน้นการตกแต่งหน้าร้าน และการทำกิจกรรม ณ จุดขาย เพื่อตอกย้ำความเชื่อมั่นในแบรนด์ รวมถึงการให้ความรู้ การฝึกอบรมทั้งตัวแทนจำหน่าย พนักงานขายประจำร้าน (PC & Shop boy) และพนักงานที่ให้บริการหลังการขายต่างๆ ให้มีศักยภาพสูงขึ้น ทั้งในเรื่องความรู้ผลิตภัณฑ์ เทคโนโลยีและทักษะการขาย การติดตั้ง ดูแลรักษา และซ่อมบำรุง ให้มีความเป็นมาตรฐานที่พร้อมให้บริการแก่ลูกค้า
นายบุนยรัตน์ ไตรสิริสมบัติ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน กล่าวเสริมว่า ในปีหน้าโตชิบาจะมีสินค้าที่ล็อนช์ออกมาสู่ตลาดมากมาย โดยเริ่มตั้งแต่ปลายปีนี้ จะมีหม้อ หุงข้าวรุ่นใหม่ 2 รุ่น ขนาด 1 ลิตร และ 1.8 ลิตร ที่จะมาขยาย Market Share ของโตชิบาให้กว้างขึ้น โดยเจาะตลาดแมส ด้วยราคาที่ถูกลง แต่ยังคงคุณภาพความเป็นโตชิบา ซึ่งนับเป็นการขยายฐานจากเดิมที่เราเป็น เจ้าตลาดในหม้อหุงข้าวระดับกลาง นอกจากนี้ ในต้นปีหน้า จะมีไมโครเวฟออกใหม่อีก 7 รุ่น ตั้งแต่ขนาด 20 ลิตร ถึง 34 ลิตร เพื่อขานรับตลาด และไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ที่ชอบทำอาหารและขนมมากขึ้น ด้วยไมโครเวฟเครื่องเดียว สามารถทำได้หลากหลาย ซึ่งเราตั้งเป้าว่าในอีก 3 ปีข้างหน้า เราจะเป็นเบอร์ 1 เรื่องเครื่องครัว นอกจากนี้ เพื่อเตรียมรับหน้าร้อนที่จะมาถึง โตชิบาได้ทำวิจัย และสอบถามความต้องการของลูกค้า จึงเป็นที่มาของการออกตู้เย็นใหม่ ทั้งตู้เย็น 1 ประตู ซึ่งได้เพิ่มสีสันให้หลากหลายขึ้น ทั้งรุ่น Curve และ Plus เพื่อเพิ่ม
ทางเลือกให้ลูกค้า รวมไปถึงการขยายไลน์ตู้เย็น 2 ประตู ขนาดเล็ก เพื่อเติมเต็มทางเลือกให้สาวกคอนโดได้เลือกใช้ว่าจะรักตู้เย็น 1 ประตู หรือตู้เย็น 2 ประตูขนาดเล็ก นอกจากนี้ยังได้พัฒนาเครื่องปรับอากาศ 3D Inverter มาพร้อมคอยล์ทองแดง และน้ำยาทำความเย็น R32 ที่นอกจากจะให้ความเย็นแบบประหยัดแล้ว ยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ส่วนน้องใหม่ เครื่องทำน้ำร้อนน้ำเย็น (Water Dispenser) เน้นดีไซน์เรียบหรู เข้ามาเจาะตลาดออฟฟิศ และบ้าน ที่ต้องการความสะดวกสบายในการใช้งาน ด้วยจุดเด่นทำน้ำร้อนได้ที่ระดับ 85-90 องศา ซึ่งเหมาะสำหรับการชงเครื่องดื่มประเภทต่างๆ และทำน้ำเย็นได้รวดเร็วต่อเนื่องที่อุณหภูมิ 3-8 องศา มีให้เลือก 2 ประเภทคือ Top Load วางถังน้ำด้านบน หรือ Bottom Load วางถังน้ำในตู้ด้านล่าง และสินค้าที่กำลังเป็นเทรนด์อีกตัวคือ ตู้แช่(Chest Freezer) รองรับตลาด Startup และ SME ที่ต้องการตู้สำหรับแช่อาหาร หรือแม้แต่ Home Used ใช้ในบ้านที่เป็นครอบครัวใหญ่ หรือแม้แต่แช่น้ำนมแม่ ซึ่งจุดเด่นของตู้แช่โตชิบาคือ เป็น 2in1 เป็นได้ทั้งแช่แข็ง (Freezing) และแช่เย็น (Cooling) ในเครื่องเดียว ปรับอุณหภูมิได้ 10 องศา ถึง -25 องศา มีให้เลือก 4 ความจุ ตั้งแต่ 5-10 คิว ส่วนกลางปี เริ่มเข้าหน้าฝน โตชิบาพร้อมลุยตลาดเครื่องซักผ้า หลังจากเผยโฉมเครื่องซักผ้า UFB และ Family ไปเมื่อกลางปี ด้วยดีไซน์และฟังก์ชันที่โดดเด่น รวมถึงเทคโนโลยี SDD (Super Direct Drive) Inverter ที่ทำให้เครื่องซักผ้ารุ่นนี้ตอบโจทย์ผู้บริโภคเป็นอย่างมาก ปีนี้เราจึงมีแผนขยายไซส์เพิ่มมากขึ้น จากเดิมมีขนาด 14-16 กก. จะเพิ่มขนาด 10 กก.และ 11 กก. เพื่อจับกลุ่มครอบครัวขนาดกลาง และสินค้าที่จะเตรียมรับหน้าหนาว เครื่องทำน้ำอุ่น ดีไซน์ทันสมัย มาพร้อมระบบความปลอดภัยสูง ถือเป็นการแปลงโฉมครั้งใหญ่ เพื่อเป็นอีกทางเลือกให้ผู้บริโภค โดยภาพรวม โตชิบายังคงให้ความสำคัญกับการพัฒนาสินค้าคุณภาพใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นเรื่องเทคโนโลยี ดีไซน์ และการใช้งานง่าย ควบคู่กันไป
นาย ฮิโรยูกิ ทาคาเสะ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด กลุ่มผลิตภัณฑ์ทีวี กล่าวว่า โตชิบายังคงตอกย้ำความเป็น Premium Japanese Brand ด้วยการออกผลิตภัณฑ์หมวดทีวีหลากหลายซีรีส์ ทั้งแอนดรอยด์ทีวี โครมแคสต์ทีวี เน็ตฟริกซ์ทีวี สมาร์ททีวี และดิจิตอลทีวี กว่า 20 รุ่น เพื่อสนองความต้องการของผู้บริโภคที่มีความต้องการหลากหลาย ทั้งนี้ในปีหน้า โตชิบาเน้นการทำตลาดทีวีรุ่นที่เป็น Ultra HD 4K Android TV เพื่อสร้างประสบการณ์ความบันเทิงที่ดีที่สุด ซึ่งโตชิบามีความเชี่ยวชาญใน Android TV มาช้านาน ซึ่งจุดเด่นของ แอนดรอยด์ทีวีของเราคือ สามารถเชื่อมต่อประสบการณ์ความบันเทิงได้หลากหลาย เหนือกว่าสมาร์ททีวีทั่วไป ทั้งดูหนัง เล่นเกม เชื่อมต่อคอนเทนต์ และฟังก์ชันต่างๆได้ง่ายๆบนทีวีจอยักษ์ ให้คุณเต็มอิ่มทุกอรรถรสได้อย่างรื่นไหล นอกจากนี้ยังมีเทคโนยี Voice Search ที่ช่วยให้การค้นหา Content ต่างๆเป็นเรื่องง่าย เพียงพูดสิ่งที่ต้องการค้นหา ระบบจะเสริ์ชให้ทันที และสามารถรอบรับการฟังเสียงได้มากกว่า 100 ภาษา จุดไฮไลท์อีก
เรื่องคือ เราสามารถอัพเกรดเวอร์ชันแอนดรอยด์ได้ 3 เวอร์ชัน ไม่ต้องห่วงว่าแอนดรอยด์จะถูกพัฒนาแล้วทีวีจะตกยุค นอกจากนี้แอนดรอยด์ทีวีของเรายังมาพร้อมดีไซน์ที่เฉียบบางหรูหรา คุณภาพภาพและเสียงที่เยี่ยมยอด และรับประกันมากถึง 3 ปี โดยไม่มีเงื่อนไข ด้วยจุดเด่นหลากหลายเรื่องตามที่กล่าวข้างต้น เราจึงตั้งเป้าที่จะเป็นที่ 1 ในตลาดแอนดรอยด์ทีวีภายใน 3 ปี
นอกจากแอนดรอยด์ทีวีแล้ว เรายังให้ความสำคัญกับทีวีรุ่นใหม่ที่จะเข้ามาทำตลาดในต้นปีหน้า เน็ตฟริกซ์ (NetFlix TV- L47 series) ซึ่งจะเป็น UHD 4K น้องใหม่ ที่รองรับทั้งฟังก์ชัน NetFlix และ Youtube ซึ่งจะทำให้เรามี UHD4K TV เพิ่มขึ้นจาก 9 รุ่น เป็น 14 รุ่น (โดยเป็น Android TV 8 รุ่น) นอกจากนี้ โตชิบายังมีแผนที่จะเปิดตัว Android OLED ในปีหน้าเช่นกัน ซึ่งเชื่อว่าจะเข้ามาสร้างสีสันและมาร์เก็ตแชร์ได้มากขึ้น
นางกนิษฐ เมืองกระจ่าง ประธานกรรมการบริหารบริษัท กล่าวเสริมว่า นอกจากบริษัทฯจะเตรียมพร้อมสำหรับการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ และแผนการตลาดต่างๆตามที่กล่าวข้างต้นแล้ว บริษัทฯ ยังได้มีแผนการพัฒนาระบบสารสนเทศ ระบบงานบริการหลังการขาย ระบบการบริหารทรัพยากรบุคคล และระบบต่างๆ เพื่อเตรียมรองรับการเติบโตในอนาคต นอกจากนี้ขอให้เชื่อมั่นในโตชิบา เรายังคงเป็น แบรนด์ที่ยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โรงงานทั้งหมดในประเทศไทย ยังคงผลิตสินค้าโตชิบาเพื่อส่งขายในประเทศ และส่งออกไปต่างประเทศทั่วโลก เรา (TPT) ผลิตตู้เย็น 2 ประตูกว่า 10 ล้านเครื่อง เมื่อเดือนพฤษภาคม 2560 ที่ผ่านมา และ TTEI ผลิต ตู้เย็น 1 ประตู กว่า 8 ล้านเครื่อง รวมตู้เย็นกว่า 20 ล้านเครื่องที่ผลิตโดยโรงงานโตชิบาในประเทศไทย เพื่อส่งออกต่างประเทศ 50% และซัพพลายสำหรับในประเทศอีก 50% นอกจากนี้โรงงานในประเทศไทย ยังผลิตไมโครเวฟอีกเกือบ 7 ล้านเครื่อง รวมถึงเครื่องครัวต่างๆ เครื่องซักผ้า และเครื่องปรับอากาศ เพื่อจำหน่ายในประเทศและส่งออกเช่นกัน
นางกนิษฐกล่าวเสริมว่า ในฐานะผู้ถือหุ้นคนไทย เรายังเชื่อมั่นในโตชิบา และในการรวมพลังของเรา 3 ประเทศ จะนำไปสู่การสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ดี ที่รวดเร็ว และเติบโตอย่างยั่งยืน และที่สำคัญ เรายังคงมุ่งเน้นนโยบายด้านส่งเสริมกิจกรรมที่ดีเพื่อสังคม (CSR - Corporate Social Responsibility) เช่นที่ผ่านมา โตชิบาจะต้องเป็นตัวอย่างของบริษัทที่มีธรรมาภิบาลของสังคมไทย เป็นบริษัทที่ไม่ได้เน้นเพียงเรื่องการขายและการบริการเท่านั้น แต่ต้องเป็นบริษัทที่รับผิดชอบต่อท่านผู้แทนจำหน่าย ต่อสังคม ต่อคนรุ่นต่อไป ต่อประเทศชาติที่รักของพวกเราทุกคน และจะ "มุ่งมั่น …นำสิ่งที่ดีสู่ชีวิต"