กรุงเทพฯ--18 ธ.ค.--มีเดีย แพลนเนอร์ คอนซัลแทนท์
WHA Group ปลื้ม ตลาดหลักทรัพย์ฯ ดึง WHA เข้าคำนวณ ดัชนี SET 50 และ WHAUP คำนวณ ดัชนี SET 100 ด้าน Group CEO " จรีพร จารุกรสกุล " เผย การถูกเข้าคำนวณใน SET ของทั้ง 2 บริษัท เป็นบทพิสูจน์ ให้เห็นถึงศักยภาพความแข็งแกร่งทางธุรกิจ และ ความเป็นมืออาชีพในการบริหารงานที่แท้จริง พร้อมตอกย้ำผลการดำเนินงานปี 2560 เป็นไปตามเป้า เตรียมวางแผนยุทธศาสตร์ ด้านกลยุทธ์ เร่งขยายธุรกิจ สร้างอาณาจักรการเติบโตของทั้งกรุ๊ป ในปี2561
นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA Group ผู้นำในการให้บริการโซลูชั่นด้าน โลจิสติกส์ นิคมอุตสาหกรรม ระบบสาธารณูปโภคและพลังงาน และดิจิทัลแพลตฟอร์มแบบครบวงจร เปิดเผยว่า หลังจากที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ประกาศรายชื่อหลักทรัพย์ที่ใช้สำหรับคำนวณดัชนี SET50 ดัชนี SET100 ดัชนี SET และ ดัชนี SETHD ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2561(1 มกราคม-30 มิถุนายน) ในช่วงที่ผ่านมา เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในการตัดสินใจเข้ามาลงทุนของกลุ่มนักลงทุน ที่มั่นใจในศักยภาพและปัจจัยพื้นฐานทางธุรกิจ ของ WHA และ WHAUP เสมอมา
สำหรับหลักทรัพย์ทั้งหมดที่ถูกคำนวณเข้ามาอยู่ใน SET50 มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวมประมาณ 11 ล้านล้านบาท ซึ่งคิดเป็น 66% ของมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดของหลักทรัพย์ทั้งหมดในตลาดหลักทรัพย์ฯ ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน 2560 ขณะที่ดัชนี SET100 มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวมประมาณ 12 ล้านล้านบาท คิดเป็น 74% ของมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดของหลักทรัพย์ทั้งหมดในตลาดหลักทรัพย์ฯ ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน 2560
" ขอบคุณกลุ่มผู้ถือหุ้น นักลงทุน รวมถึง ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ที่เห็นถึงศักยภาพการบริหารงาน ของ WHA Group และ WHAUP จนทำให้ทั้ง 2 บริษัท ติดหนึ่งในการคำนวณดัชนี SET50 ดัชนี SET100 ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2561 (1 มกราคม-30 มิถุนายน) " นางสาวจรีพร กล่าว
เป็นการตอกย้ำภาพรวมธุรกิจในไตรมาส 4/2560 ว่า จะเป็นไตรมาสที่มีการเติบโตที่ดีที่สุดของบริษัทฯ ทั้งนี้จากการรับรู้รายได้จากการขายทรัพย์สินที่มีมูลค่าทรัพย์สิน 3,090 ล้านบาท เข้ากองทรัสต์ WHART ซึ่งเป็นการรวมกองระหว่างกองทุนรวม WHAPF กับกองทรัสต์ WHART รวมทั้งการขายทรัพย์สินเข้ากองทรัสต์ WHART ซึ่งขณะนี้การรวมกองดังกล่าวแล้วเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่งผลให้ในปัจจุบันกองทรัสต์ WHART มีขนาดทรัพย์สินใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยมีขนาดพื้นที่ให้เช่ารวมทั้งหมด 970,000 ตารางเมตร
ขณะที่กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เหมราช (HREIT) มีการเพิ่มทุนครั้งที่ 1 มูลค่าไม่เกิน 1,690 ล้านบาท โดยขณะนี้อยู่ระหว่างเปิดให้สิทธิผู้ถือหน่วยเดิมจอง ระหว่างวันที่ 15-26 ธ.ค.นี้ ซึ่งหากการเพิ่มทุนแล้วเสร็จ จะส่งผลให้ขนาดทรัพย์สินรวมของกองทรัสต์ HREIT โตเกือบ 10,000 ล้านบาท จากเดิมอยู่ที่ประมาณ 8,000 ล้านบาท
ด้านธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม คณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (กรศ.) จากการประชุมครั้งที่ 3/2560 เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน2560 ได้เห็นชอบประกาศให้นิคมอุตสาหกรรมเหมราชอีสเทิร์นซีบอร์ดแห่งที่ 4 จังหวัดระยอง ซึ่งมีพื้นที่รวมกว่า 1,400 ไร่ เป็นเขตส่งเสริมเพื่อกิจการอุตสาหกรรมเพื่อรองรับอุตสาหกรรมเป้าหมายสำหรับอุตสาหกรรมการบินและโลจิสติกส์ อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ และอุตสาหกรรมหุ่นยนต์เพื่ออุตสาหกรรม และบริษัทฯ ได้มีการยื่นแผนธุรกิจ (Feasibility Study) สำหรับนิคมอื่น ๆ ของบริษัทฯ อีก 8 โครงการเพิ่มเติมให้ทาง กรศ. พิจารณาเพื่ออนุมัติประกาศให้เป็นพื้นที่เขตส่งเสริมเช่นกัน ทั้งนี้เพื่อให้ลูกค้าของบริษัทได้รับสิทธิประโยชน์จากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลร้อยละ 50 เพิ่มเติมอีก 5 ปีหลังสิ้นสุดระยะเวลายกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลตามเกณ์ปกติ ซึ่งต้องเป็นไปตามเงื่อนไข 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย (S-curve) และร่วมกับสถาบันการศึกษา สถาบันวิจัย ฝึกอบรมบุคลากรด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และจากมาตรการดังกล่าวส่งผลให้บริษัทฯ มีลูกค้าหลากหลายอุตสาหกรรมทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ โดยเฉพาะชาวจีนและชาวญี่ปุ่น ให้ความสนใจอย่างต่อเนื่อง
จากกรณีดังกล่าว ทำให้บริษัทฯ มั่นใจว่ายอดขายที่ดินในช่วงปลายปี 2560 – ปี 2561 มีแนวโน้มในการขายที่ดินในจำนวนที่มากขึ้น ประกอบกับโครงการส่วนใหญ่ของWHA GROUP ก็อยู่ในพื้นที่ดังกล่าว สำหรับนิคมอุตสาหกรรมในประเทศเวียดนาม เฟส 1 จำนวนกว่า 3,000 ไร่ คาดว่าจะเริ่มเปิดดำเนินการได้ในช่วงต้นปี 2561
ส่วนธุรกิจการให้บริการสาธารณูปโภค คาดว่ารายได้จากการให้บริการน้ำทั้งปีจะเติบโตได้ตามเป้าหมาย ประมาณ 10% จากปริมาณลูกค้าในนิคมฯ ที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะลูกค้าในกลุ่มโรงไฟฟ้าและปิโตรเคมี ซึ่งมีการใช้น้ำในปริมาณมาก เช่นเดียวกันกับธุรกิจโรงไฟฟ้าที่น่าจะเติบโตไม่น้อยกว่า 40% จากการมีโรงไฟฟ้าที่จะ COD ได้ตามแผนในปีนี้
ด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อโลจิสติกส์ในประเทศ ตั้งเป้าพื้นที่เช่า 200,000 – 250,000 ตารางเมตร โดยปัจจุบันบริษัทฯ มียอดพื้นที่ที่ทำสัญญาแล้ว และอยู่ระหว่างเจรจาที่มีความเป็นไปได้สูง ทั้งโครงการ Built-to-Suit และ Sale and Leaseback แล้วกว่า 80% ของเป้าหมายที่วางไว้ และโครงการโลจิสติกส์ในประเทศอินโดนีเซีย กำลังอยู่ระหว่างเจรจากับลูกค้าในโครงการเฟสที่ 2
"ปีนี้ WHA Group เดินตามแผนธุรกิจที่วางไว้ทั้งหมด ทำให้ภาพรวมของผลการดำเนินงานเป็นไปตามเป้าที่วางไว้ ประกอบกับยอดโอนที่ดินในปีนี้ ตามเป้า 1,000 -1,100 ไร่ ส่วนยอดขายการเช่าใหม่ของพื้นที่โรงงาน และคลังสินค้าในปีนี้ตั้งเป้าไว้กว่า 2 แสนตารางเมตร ซึ่งจากเป้าหมายดังกล่าว ทำให้มั่นใจว่าไตรมาส 4/60 จะเป็นไตรมาสที่ดีของ WHA Group" นางสาวจรีพร กล่าว
สำหรับกลยุทธ์และทิศทางแผนทางธุรกิจ ในปี 2561 นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการหารือกับคณะกรรมการบริหารของบริษัท ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปเร็วนี้ แต่อย่างไรก็ตาม จากแผนการขยายการลงทุนของบริษัทในเครือทั้งหมด เชื่อว่าในปี 2561 จะเป็นปีที่ WHA Group มีความโดดเด่นในเรื่องอัตราผลการดำเนินงาน ที่มีการขยายตัวอย่างเห็นได้ชัดอย่างแน่นอน