กรุงเทพฯ--19 ธ.ค.--นิปปอน คอมมิวนิเคชั่นส์ แอนด์ คอนซัลท์ติ้งค์
คุยกับ "มาร์ค เลวินสัน" พ่อเครื่องเสียงแตกแบรนด์ใหม่ แดเนียลเฮิร์ตซ์ ในทศวรรษที่ 1960 ในฐานะนักเล่นทรัมเป็ตแจ๊ส ผมเริ่มหลงใหลในการบันทึกและทำซ้ำการแสดงสดของครูและเพื่อน ๆ ของผม ที่ถือว่าเป็นศิลปินยอดเยี่ยม ผมโชคดีที่ได้พบและเล่นกับพวกเขาหลายคน ผมสังเกตเห็นว่าเสียงที่มาจากลำโพงไม่ได้สร้างอารมณ์หรือให้ความรู้สึกเหมือนกำลังดูการชมแสดงสด ทั้ง ๆที่ผู้คนกำลังชมการแสดงสด ในปี 1972 ผมเริ่มการออกแบบและผลิตอุปกรณ์เครื่องเสียงที่เน้นคุณภาพของเสียง ตอนนี้ผมมีประสบการณ์มากกว่า 50 ปีในการเรียนและเล่นดนตรีและเรียนรู้เกี่ยวกับสิ่งที่สร้างอารมณ์ในการทำเพลงมากกว่า 40 ปีขึ้นไป Mark Levinson ผู้อำนวยการ Daniel Hertz สำหรับคนที่เล่นเครื่องเสียง ชื่อ Mark Levinson คือเนมแบรนด์อันเป็นที่ใฝ่ฝันของนักเล่นเครื่องเสียงทุกท่าน อย่างน้อยก็ขอให้สักครั้งหนึ่งในชีวิตได้ลองเล่นลองฟังรุ่นใดรุ่นหนึ่งของ Mark Levinson ทั้งนี้เพราะ Mark Levinson นับเป็นผลิตภัณฑ์เครื่องเสียงไฮเอนด์ของอเมริกันในยุคบุกเบิกโดยแท้ ที่แม้ในทุกวันนี้คุณภาพเสียงของ Mark Levinson ก็ยังเป็นที่ยอมรับกันว่า ไม่เป็นสองรองใคร!! หากเรา-ท่านลองนึกย้อนหลังไปถึง จุดถือกำเนิดของ Mark Levinson ตั้งแต่แรกเริ่มเดิมทีนั้น สามารถย้อนเท้าความกลับไปได้ถึงกว่า 40 ปีที่ล่วงมา
แรกเริ่มเดิมทีบุคคลที่ชื่อว่า Mark Levinson ซึ่งทำงานเกี่ยวข้องกับทางด้าน Recording Engineer ได้ก่อตั้ง Mark Levinson Audio Systems Ltd. (MLAS) ขึ้นมาในปี ค.ศ.1972 โดยที่ Mark Levinson ซึ่งจริงๆ แล้วก็ชื่นชอบในการเล่นดนตรีด้วยเป็นชีวิตจิตใจ มักจะมีส่วนสำคัญในการกำหนดแนวทางการออกแบบผลิตภัณฑ์ต่างๆ แล้วนำไปปรึกษาหารือกับ Richard (Dick) Burwen หลังจากนั้นจึงนำแนวทางที่ได้สรุปแล้วนั้น ไปส่งต่อให้กับ Tom (Thomas) Colangelo ซึ่งทำหน้าที่ Chief Engineer เพื่อทำการออกแบบให้เสร็จสมบูรณ์ต่อไป (น่าเศร้าที่ Tom Colangelo เสียชีวิตในปี ค.ศ.2007 จากอุบัติเหตุทางรถยนต์)
LNP-1 นับเป็นผลิตภัณฑ์ชิ้นแรกสุดของ Mark Levinson ตามติดมาด้วย LNP-2 ในฐานะของ Professional Preamplifier จากฝีมือการออกแบบของ Richard Burwen ร่วมกับ Tom Colangelo ที่นับเนื่องมาถึงปัจจุบันก็ยังคงมีสมรรถนะในระดับที่เหลือเชื่อมาก อย่างเช่น ค่าไดนามิกเรนจ์ที่สูงถึง 140 ดีบี, ค่าเบี่ยงเบนระหว่างช่องสัญญาณซ้าย-ขวาแค่เพียง 0.1 ดีบี รวมทั้งยังมีอัตรา Channel Separation ดีกว่า 110 ดีบี ตลอดช่วงความถี่ตอบสนองเลยเชียวละครับ นอกจากนี้น่าเชื่อหรือไม่ครับว่า ในยุคสมัยนั้น Mark Levinson ยังใช้วัสดุประเภท Rhodium, Platinum, Gold รวมทั้ง Teflon มายาวนานก่อนใครๆ ในขณะที่ ML-2 (แรกออกจำหน่ายในปี ค.ศ.1977) นับเป็น Mo- naural Power Amplifierที่แม้จะถูกระบุว่ามีกำลังขับเพียงแค่ 25 วัตต์ต่อเครื่องเท่านั้น แต่ทว่าแท้จริงแล้ว ML-2 มีสมรรถนะที่สูงกว่านั้นมาก อาจถึงขั้น 100 วัตต์ต่อเครื่องภายใต้ระบบการทำงานแบบ Class A แท้ๆ ตลอดช่วงย่าน จนกลายเป็นหนึ่งใน Collector Items ของ Mark Levinson
MLAS ออกจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในระดับท้อปเกรดมากมายหลากหลายรุ่นจนกระทั่งปี ค.ศ.1989 ซึ่งไม่จำเพาะแต่ทางด้านแอมปลิไฟ- เออร์เท่านั้น หากยังครอบคลุมไปถึง Microphone Preamplifier (รุ่น ML-8), Electronic Crossover (รุ่น LNC-2) และ Tape Recorders (รุ่น ML-5ซึ่ง Modified มาจาก Studer A-80) กระทั่งต่อมาในปี ค.ศ.1990, Harman International Industries Group ก็ได้เข้าซื้อกิจการ รวมทั้งสิทธิ์ทางการค้าทั้งหมดของ Mark Levinson มาจนปัจจุบัน
ล่าสุดมาร์คกลับมาทำลำโพงภายใต้ชื่อแบรนด์ "Daniel Hertz" ผลิตอุปกรณ์เครื่องเสียงสำหรับผู้ที่ต้องการรู้สึกเหมือนอยู่ในห้องกับนักดนตรี พร้อมกับให้ข้อคิดแก่เหล่านักเล่นฯ ว่า "ถ้าคุณใช้จ่ายเงินมากพอและจับคู่กับอุปกรณ์เครื่องเสียงที่มีคุณภาพ คุณก็จะอยู่ในนิพพานเสียง" "ฉันก่อตั้งแดเนียลเฮิร์ตซ์ขึ้นในปี 2550 เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีและแนวความคิดผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ให้มีความเป็นเลิศในด้านเสียงและเชื่อมโยงกับสิ่งที่นักดนตรีต้องการ การที่จะทำสิ่งที่ดีกว่าเราต้องมีการเปลี่ยนแปลง และเมื่อทำสำเร็จสุดท้ายก็ต้องเลิกธุรกิจนี่คือวัฏจักรของอุตสาหกรรมนี้ แต่เหตุผลนี้ใช้ไม่ได้กับ Daniel Hertz ที่ไม่เหมือนแบรนด์ทั่วไปเพราะเราให้ความสำคัญกับประสิทธิภาพและคุณภาพ" จากเรือธงระบบ M1 สู่ลำโพง ระบบ M10 แบบbookshelf speaker ทุกระบบ Daniel Hertz มีดีเอ็นเอเดียวกัน Daniel Hertz ทำ amplifiers เพียง 3 ชนิดเท่านั้น ได้แก่ M9, M11 และ M12 แต่ละชนิดจะมีความสมบูรณ์ในตัวของมันเอง (ไม่มีส่วนประกอบแยกต่างหากและมีความเป็นระเบียบเรียบร้อยของสายเคเบิล) ซึ่งแต่ละแบบจะเหมาะกับช่วงลำโพงต่าง ๆ กัน อีกทั้งตอบสนองกับความต้องการและงบประมาณที่ต่างกัน ผลิตภัณฑ์ของ Daniel Hertz แตกต่างกับผลิตภัณฑ์อื่นเพราะเป็นงานศิลปะที่ทำด้วยมือ เหมาะที่ใช้งานได้ทุกวันเปรียบเหมือนได้บริการที่ดีนานนับทศวรรษ อีกยิ่งมีคุณค่าเมื่อกาลเวลาผ่านไปเราขอเชิญคุณเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของผู้รักความสุขในเสียงเพลง คุณสามารถถามคำถามใด ๆ เราช่วยคุณได้ แดเนียลเฮิร์ตซ์พัฒนาแนวคิดเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่ท้าทายอุตสาหกรรมเครื่องเสียงและพัฒนาความทันสมัยในการทำเพลง แดเนียลเฮิร์ตซ์พัฒนาแนวคิดเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่ท้าทายอุตสาหกรรมเครื่องเสียงและพัฒนาความทันสมัยในการทำเพลง แดเนียลเฮิร์ตซ์เป็น บริษัท ด้านวิศวกรรมที่ให้ความสำคัญกับความซื่อสัตย์และใส่ใจกับลูกค้าเป็นอันดับแรก ในยุคแห่งความซับซ้อน ผลิตภัณฑ์ที่เราผลิตออกไป เรามุ่งเน้นไปที่คุณภาพแต่มีความเรียบง่ายและคุณค่าที่ยั่งยืน ข้อสมมติฐานเกี่ยวกับเสียงระดับไฮเอนด์คือ "ถ้าคุณใช้จ่ายเงินมากพอและจับคู่กับอุปกรณ์เครื่องเสียงที่มีคุณภาพ คุณก็จะอยู่ในนิพพานเสียง" สมมติฐานนี้ทำให้ผู้คนต้องสูญเสียเวลาและเงินไปอย่างมากมายเพื่อให้ได้เสียงตรงกับที่พวกเขาต้องการ ซึ่งนั่นทำให้ธุรกิจได้กำไรมากมาย แต่นั่นไม่ใช่สำหรับลูกค้าของเรา เราสร้างความพึงพอใจให้ลูกค้าไม่ใช่การผสมผสานและการจับคู่ แต่ด้วยนวัตกรรมและการแก้ไขปัญหาที่ได้การออกแบบอย่างลงตัวแล้ว aniel Hertz พัฒนาระบบเพลงที่สมบูรณ์แบบ ลดข้อบกพร่องที่คุณไม่ต้องการและเตรียมทุกสิ่งอย่างให้คุณ เมื่อคุณเป็นเจ้าของระบบ Daniel Hertz คุณไม่จำเป็นต้องอัพเกรดหรือเปลี่ยนมัน เพราะมันได้ผ่านการบันทึกและการทดสอบการเล่นเรียบร้อยแล้ว Daniel Hertz Master Class (ซอฟต์แวร์สำหรับ Mac) ช่วยให้คุณได้รับเสียงเหมือนเทปอะนาล็อกความเร็วสูงแบบเดิม ๆ จากการบันทึกแบบดิจิตอลในทุกรูปแบบโดยมีการบันทึกจากทุกยุคและทุกประเภท ด้วย Master Class และ Mac เครื่องขยายเสียงและลำโพงของ Daniel Hertz รับประกันความพึงพอใจของคุณ