กรุงเทพฯ--19 ธ.ค.--แฟรนคอม เอเชีย
เมื่อเร็ว ๆ นี้ คุณซาแมนธา เคลย์ตัน ผู้อำนวยการอาวุโสด้านสมรรถภาพการกีฬาและฟิตเนส เฮอร์บาไลฟ์ นิวทริชั่น เดินทางมาเยือนประเทศไทย เพื่อเป็นวิทยากรให้ความรู้ในงาน 'เอเชียแปซิฟิก เวลเนส ทัวร์ ครั้งที่ 8' ของเฮอร์บาไลฟ์ นิวทริชั่น ซึ่งในโอกาสนี้ สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ และ เฮอร์บาไลฟ์ นิวทริชั่น ประเทศไทย ได้ร่วมกันจัดกิจกรรมอบรมพิเศษแก่โค้ชทีมฟุตบอลชั้นนำของไทยด้วย โดยคุณซาแมนธา เคยมีโอกาสได้ร่วมงานกับนักกีฬามืออาชีพระดับโลกในกีฬาหลายประเภท รวมถึงนักฟุตบอลอาชีพ
ในระหว่างกิจกรรมอบรมกับโค้ชทีมฟุตบอลครั้งนี้ คุณซาแมนธา ได้กล่าวย้ำว่า "เคล็ดลับพื้นฐานที่สุดเพื่อก้าวสู่ความเป็นเลิศด้านกีฬา คือ การดูแลร่างกายตัวเองให้ดีด้วยการออกกำลังกายเป็นประจำและการได้รับโภชนาการที่ดี"
แน่นอนว่าเคล็ดลับนี้สามารถใช้ได้กับทุกคน รวมถึงคนที่ไม่ได้ฟิตซ้อมร่างกายเพื่อเป็นนักกีฬาอาชีพ แต่เพียงแค่ต้องการมีสุขภาพที่ดีและแข็งแรงในทุก ๆ วันด้วย คุณซาแมนธายังได้แชร์เรื่องราวกิจกรรมโปรดของเธอที่ช่วยเผาผลาญและหลีกเลี่ยงแคลอรี่ที่ร่างกายไม่ต้องการ ดังต่อไปนี้
6 กิจกรรมที่ทำได้ทุกวันและช่วยให้รูปร่างฟิตแอนด์เฟิร์มอยู่เสมอ
1. วิ่ง (เผาผลาญ 755-1074 แคลอรี่ต่อชั่วโมง)
การวิ่ง เป็นการออกกำลังกายที่เผาผลาญแคลอรี่ได้ดีมาก และไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ใด ๆ คุณจึงสามารถจัดให้การวิ่งเป็นหนึ่งในกิจกรรมออกกำลังกายที่ทำเป็นประจำได้ โดยการวิ่งที่อัตราความเร็ว 8 ไมล์ต่อชั่วโมง จะช่วยให้ร่างกายเผาผลาญได้ถึง 1,074 แคลอรี่ หรือถ้าวิ่งช้าลง ที่อัตราความเร็ว 5 ไมล์ต่อชั่วโมง จะช่วยให้ร่างกายเผาผลาญ 755 แคลอรี่ คุณยังสามารถเผาผลาญแคลอรี่ได้มากขึ้นด้วยการวิ่งขึ้นทางชัน (ซึ่งจะช่วยสร้างกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงสะโพกและขาส่วนหลัง) การเพิ่มความเร็วหรือเพิ่มเวลาวิ่งให้มากกว่า 1 ชั่วโมง จะช่วยเผาผลาญแคลอรี่ได้มากขึ้น อีกหนึ่งวิธีที่ช่วยให้การวิ่งได้ผลลัพธ์มากขึ้นก็คือ การวิ่งเร็วในช่วงระยะเวลาหนึ่ง จากนั้นลดความเร็วลงเพื่อพักเป็นเวลา 10 -15 วินาทีก่อนวิ่งเร็วอีกครั้ง ซึ่งการฝึกวิ่งเร็วสลับช้าแบบนี้จะช่วยให้รู้สึกสนุกขึ้นอีกมาก
2. กระโดดเชือก (เผาผลาญ 1,074 แคลอรี่ต่อชั่วโมง)
การกระโดดเชือก เป็นกิจกรรมออกกำลังกายที่ได้ผลมาก เพราะมันท้าทายร่างกายของคุณคล้ายกับการวิ่ง การกระโดดเชือกเกี่ยวข้องกับเรื่องระบบการทำงานหัวใจ แต่ไม่เหมือนการวิ่งตรงที่เชือกและร่างกายต้องทำงานประสานไปด้วยกัน แต่ถ้าไม่สามารถหาเชือกได้ คุณยังสามารถกระโดดโดยไม่มีเชือกก็ได้ (แต่ถ้ากระโดดโดยไม่มีเชือกนาน 1 ชั่วโมงก็อาจจะดูแปลกสักหน่อย) ความเร็วและความแรงของการกระโดดมีผลอย่างมากกับจำนวนแคลอรี่ที่คุณจะเผาผลาญ ดังนั้นการกระโดดเชือกให้เร็วคือกุญแจสำคัญที่ช่วยเพิ่มการเผาผลาญให้มากขึ้น และถ้าการหาจังหวะกระโดดให้ต่อเนื่องนาน 1 ชั่วโมงเป็นเรื่องยากสำหรับคุณ ให้คุณลองกระโดดเชือกแบบเร็วสลับช้า น่าจะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด
3. ว่ายน้ำด้วยความเร็ว - ว่ายน้ำอย่างรวดเร็วกระฉับกระเฉง (เผาผลาญ 528-892 แคลอรี่ต่อชั่วโมง)
การว่ายน้ำเป็นการออกกำลังกายชั้นยอดที่ร่างกายได้รับแรงกระแทกน้อย แต่สามารถเผาผลาญแคลอรี่ได้มาก ท่าว่ายน้ำแบบฟรีสไตล์และท่าผีเสื้อ ช่วยเผาผลาญแคลอรี่ได้มากกว่าท่าอื่น ๆ และเพื่อเผาผลาญแคลอรี่ให้มากขึ้นกับการว่ายน้ำ คุณจำเป็นต้อง มีความชำนาญกับการอยู่ในน้ำ รวมทั้งสามารถว่ายอย่างรวดเร็วและกระฉับกระเฉงได้นาน 1 ชั่วโมงเต็ม สำหรับการว่ายน้ำท่ากบจะเป็นท่าที่ค่อนข้างง่ายกว่าและใช้แรงน้อยกว่า ดังนั้นถ้าคุณเลือกที่จะว่ายน้ำท่ากบ ให้ลองพิจารณาท่าฟรีสไตล์เป็นทางเลือกอีกทาง หรือว่ายให้นานขึ้นเพื่อเพิ่มการเผาผลาญแคลอรี่ให้มากที่สุด
4. วิ่งขึ้น-ลงบันได (เผาผลาญ 819 แคลอรี่ต่อชั่วโมง)
การวิ่งขึ้น-ลงบันได เป็นการออกกำลังกายที่คุณซาแมนธาโปรดปราน เพราะมันช่วยสร้างกล้ามเนื้อได้เป็นอย่างดี อีกทั้งช่วยให้ระบบการทำงานของหัวใจแข็งแรงขึ้นด้วย โดยความเร็วของคุณ รวมถึงจำนวนขั้นบันไดและความสูงของบันไดแต่ละขั้น ล้วนเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อการเผาผลาญแคลอรี่ทั้งหมด ในขณะที่วิ่งขึ้นบันได ให้เพิ่มความเร็วมากกว่าปกติ แต่เวลาลงบันได ให้เดินลงโดยคำนึงถึงความปลอดภัยมาก่อน โดยคุณสามารถเพิ่มความเร็วเวลาวิ่งขึ้นเพื่อเพิ่มระดับความยาก หรือถ้าคุณรู้สึกคล่องตัวแล้ว ให้ลองวิ่งขึ้นทีละ 2 ขั้นเพื่อให้กล้ามเนื้อได้ทำงานหนักมากขึ้น และจะช่วยเผาผลาญแคลอรี่มากขึ้น และยิ่งจำนวนขั้นมากขึ้นเท่าไหร่ ร่างกายคุณก็จะยิ่งได้ใช้งานมากขึ้นเท่านั้น
5. เต้นแอโรบิกประเภทที่มีผลกระทบสูง (เผาผลาญ 664 แคลอรี่ต่อชั่วโมง)
ผลกระทบสูง (High impact) ในที่นี้ หมายถึง กิจกรรมออกกำลังกายที่เท้าทั้ง 2 ข้างลอยขึ้นจากพื้น เช่น การกระโดดตบ (Jumping jacks) การกระโดดเขย่งที่ใช้ความแข็งแรงและความเร็ว (plyometric style hopping movements) และการเต้นบางประเภท รูปแบบของการออกกำลังกายแบบนี้ค่อนข้างสนุกและมีหลากหลายรูปแบบให้เลือกเล่น ทว่าแรงกระแทกที่เกิดขึ้นตามข้อต่อจากการออกกำลังกายไม่ได้เหมาะสำหรับทุกคน การออกกำลังกายประเภทนี้สามารถเพิ่มระดับความยากได้โดยการใช้อุปกรณ์ที่มีน้ำหนัก การคงระดับความยากไว้ตลอดเวลา และการออกกำลังกายโดยเน้นการใช้กล้ามเนื้อมัดใหญ่เฉพาะส่วน เช่น ขา หน้าอก และหลัง โดยการฟิตซ้อมร่างกายลักษณะนี้มักทำในรูปแบบที่เรียกว่า High-intensity interval training หรือ HIIT ซึ่งก็คือ การออกกำลังกายแบบเร็วสลับช้า ที่ช่วยเพิ่มการเผาผลาญแคลอรี่ได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม เมื่อคุณออกกำลังกายอย่างหนัก ระยะเวลาการออกกำลังกายโดยรวมทั้งหมดแบบสั้น ๆ จึงเป็นเรื่องสำคัญ โดยลักษณะการออกกำลังกาย HIIT แบบทั่วไปจะใช้เวลาประมาน 20 - 30 นาทีเท่านั้น
6. สะพายเป้ท่องเที่ยว (เผาผลาญ 637 แคลอรี่ต่อชั่วโมง)
การแบกกระเป๋าเป้ไปปีนเขา เป็นอีกหนึ่งรูปแบบของการออกกำลังกายกลางแจ้งที่ดี เพราะการแบกของหนัก ๆ จะช่วยสร้างความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อ ภูมิประเทศที่หลากหลายก็เป็นสิ่งดีต่อการกระตุ้นการประสานกันของส่วนต่างๆ ของร่างกาย รวมทั้งกล้ามเนื้อมัดเล็ก และสร้างความแข็งแกร่งขึ้นของกล้ามเนื้อ เช่น ขา และข้อเท้า ด้วยเช่นกัน และเพื่อที่จะเผาผลาญแคลอรี่เพิ่มขึ้นอีกในขณะที่แบกเป้อยู่ ให้ลองเพิ่มน้ำหนักในเป้มากขึ้น หรือลองเลือกเส้นทางที่เป็นเนินเขาสูงชันขึ้น ก็ช่วยได้ไม่น้อย
กดไลค์เราที่เฟซบุ๊ค พร้อมอีกหลากหลายเคล็ดลับดี ๆ เพื่อสุขภาพที่ดีและไลฟ์สไตล์ที่กระฉับกระเฉง ได้ที่
www.facebook.com/HerbalifeThailandOfficial
และค้นหาแรงบันดาลใจใหม่ ๆ ได้ที่ www.instagram.com/HerbalifeThailandOfficial