กรุงเทพฯ--9 ต.ค.--
งาน Thailand International Logistics Fair 2007 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 12-16 กันยายน 2550 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา ปิดฉากลงแล้วเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา คาดยอดการสั่งซื้อสินค้าภายใน 1 ปี มีมูลค่ากว่า 200 ล้านบาท
งาน Thailand International Logistics Fair ในปีนี้มีพื้นที่แสดงสินค้าและบริการจำนวน 288 คูหา จากผู้ประกอบการ 134 บริษัท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากงานในปีที่ผ่านมากว่า 40 เปอร์เซนต์ ในจำนวนนี้เป็นผู้ประกอบการจากต่างประเทศ 14 คูหา จากประเทศฝรั่งเศส สโลเวเนีย ญี่ปุ่น และสิงคโปร์ โดยมีผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ร่วมงานมากที่สุด 181 คูหา รองลงมาคือธุรกิจบริการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง 72 คูหา และผู้ให้บริการด้านซอฟท์แวร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ 31คูหา และอื่นๆ อีก 4 คูหา
สำนักแผนธุรกิจระหว่างประเทศ กรมส่งเสริมการส่งออก คาดว่ายอดการสั่งซื้อสินค้าที่คาดว่าจะเกิดขึ้นภายใน 1 ปี มีมูลค่าประมาณ 216 ล้านบาท ส่วนยอดสั่งซื้อที่เกิดขึ้นทันทีภายในงานและยอดขายปลีกมีมูลค่ารวมกันประมาณ 7 ล้านบาท
ตลอด 5 วันมีผู้เข้าชมงานจำนวนกว่า 10,000 คน ซึ่งยอดผู้เข้าชมงานจากต่างประเทศในปีนี้เพิ่มขึ้นจากปีก่อนราว 20 เปอร์เซนต์ โดยผู้ชมงานจากต่างประเทศสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่มาเลเซีย สิงคโปร์ อินเดีย เวียดนาม และจีน
ผู้ร่วมแสดงสินค้าและบริการในงานครั้งนี้ต่างยอมรับว่าประสบความสำเร็จในการเพิ่มลูกค้าและพันธมิตรทางธุรกิจจากการเข้าร่วมงาน นายกิตติ จันทร์มธุกร ผู้จัดการฝ่ายขายบริษัทแคนนอน บอล บิสซิเนส โปรดักส์ จำกัด หนึ่งในผู้ประกอบการด้านอุปการณ์เกี่ยวกับการจัดเก็บสินค้าที่เข้าร่วมงานในครั้งนี้เปิดเผยว่าแค่วันที่สองของงานปีนี้ ยอดขายของบริษัททะลุ 80 เปอร์เซ็นต์จากเป้าที่ตั้งไว้สำหรับการขายตลอดห้าวัน
ด้าน ดร. ทรงวุฒิ ไกรภัสสร์พงษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท TCJ Asia Public Co., Ltd กล่าวว่า “การเข้าร่วมงานในปีนี้เป็นการเปิดโอกาสให้เราตระหนักและเข้าใจความต้องการของลูกค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรงงาน โกดัง และธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง นอกจากนั้น ยังช่วยให้เราได้พบปะกับผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์จากประเทศอื่นๆโดยตรง ในครั้งนี้เราได้พบปะกับผูแทนจากประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน ได้แก่ ลาว พม่า กัมพูชา ทำให้เราได้ทราบข้อมูลที่มีประโยชนต่อธุรกิจและเริ่มมองหาความร่วมมือและพัฒนาเครือข่ายขึ้นมาใหม่ในภูมิภาคนี้”
ด้านผู้ชมงานจากต่างประเทศต่างแสดงความประทับใจจากการเข้าชมงานในครั้งนี้ พร้อมยอมรับว่างาน Thailand International Logistics Fair ถือเป็นเวทีในการเริ่มต้นธุรกิจที่ดี
ภายในงาน ยังได้มีการสัมมนาเกี่ยวกับการสร้างเครือข่ายโลจิสติกส์ระหว่างประเทศ หรือ Global Logistics Network Symposium ในวันที่ 12 -13 กันยายน 2550 โดยมีสาระสำคัญในเรื่องนโนบายโลจิสติกส์การค้าและการปรับตัวของผู้ใช้บริการและผู้ให้บริการโลจิสติกส์
ดร.จักรกฤษณ์ ดวงพัสตรา ผู้อำนวยการกลุ่มงานส่งเสริมธุรกิจบริการโลจิสติกส์ กรมส่งเสริมการส่งออก หนึ่งในวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ กล่าวว่า
“จุดมุ่งหมายในปี 2550-2554 คือการผลักดันให้ประเทศไทยก้าวไปสู่การเป็นศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์ระดับภูมิภาค เราตั้งเป้าเอาไว้ว่าจะลดค่าใช้จ่ายด้านโลจิสติกส์ต่ออัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจ (จีดีพี) ให้อยู่ที่ 16% ภายในปี 2554 ให้ได้”
ดร. จักรกฤษณ์ เสริมว่า รัฐบาลได้ออก 6 มาตรการ ที่จะผลักดันให้ประเทศไทยบรรลุไปถึงเป้าหมายได้ ซึ่งยุทธศาสตร์ทั้งหกประการจะพุ่งเป้าไปที่การสร้างประสิทธิภาพโลจิสติกส์ในแง่ผลิตผล รวมถึงประสิทธิภาพด้านการขนส่งโลจิสติกส์การให้บริการด้านโลจิสติกส์ การปรับปรุงงานด้านสิ่งอำนวยความสะดวกด้านโลจิสติกส์และด้านบุคลากร
นอกจากนี้ ในวันศุกร์ที่ 13 กันยายน ได้มีการประกาศผลรางวัลชนะเลิศโครงการ Logistics Model Contest หรือการประกวดบริษัทที่มีการบริหารและการจัดการด้านโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพ (best practice) ซึ่งจัดเป็นครั้งแรกโดยสำนักโลจิสติกส์การค้า กรมส่งเสริมการส่งออก เพื่อกระตุ้นให้ผู้ประกอบการไทยได้ตระหนักถึงความสำคัญของระบบ โลจิสติกส์ พร้อมทั้งนำแบบอย่างการบริหารและการจัดการด้านโลจิสติกส์ที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพมาประยุกต์ใช้กับธุรกิจของตน
การประกวดครั้งนี้แบ่งเป็น 2 กลุ่มหลัก ได้แก่ กลุ่มผู้ผลิต/ผู้ส่งออกสินค้า และกลุ่มธุรกิจให้บริการ ผู้ชนะรางวัลในกลุ่มผู้ผลิตและผู้ส่งออกสินค้า ได้แก่ บริษัท น้ำตาลมิตรผล จำกัด ได้รับรางวัล การจัดการโลจิสติกส์ของธุรกิจส่งออกสินค้าเกษตรและอาหาร บริษัท ค้าสากลซีเมน์ตไทย จำกัด ได้รับรางวัล การจัดการโลจิสติกส์ของธุรกิจส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม และบริษัท เวสเทิร์น ดิจิตอล (ประเทศไทย) จำกัด ได้รับรางวัล การจัดการโลจิสติกส์ของธุรกิจส่งออกที่เป็นกิจการขนาดย่อม
สำหรับรางวัลผู้ให้บริการโลจิสติกส์ได้แก่ บริษัท วี-เซิร์ฟ โลจิสติกส์ จำกัด ได้รับรางวัล การจัดการด้านการให้บริการโลจิสติกส์ของธุรกิจบริการโลจิสติกส์ โดยคณะกรรมการได้ใช้หลักเกณฑ์ในการตัดสินคือ ประสิทธิภาพการจัดการด้านโลจิสติกส์ได้แก่ ความสามารถในการลดต้นทุน ตรงเวลา สะดวก ปลอดภัย เชื่อถือได้ แข่งขันได้ มีการจัดองค์ความรู้ และภูมิปัญญาอย่างมีระบบ และมีธรรมาภิบาลในการบริหารจัดการ
งาน Thailand International Logistics Fair 2007 ถือเป็นหนึ่งในความพยายามของภาครัฐและเอกชนในการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของไทย เพื่อเพิ่มขีดความสารถในการแข่งขันของธุรกิจส่งออกของไทยในตลาดโลก
ติดตามข่าวสารการจัดงานครั้งต่อไปและดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Thailand International Logistics Fair 2008 ได้ที่ www.thaitradefair.com