กรุงเทพฯ--3 ก.ย.--เจดับบลิวที พับบลิค รีเลชั่นส์
“เคแอนด์ยู เอ็นเตอร์ไพรซ์” โชว์ผลงานปีแรกเติบโตฉลุยกว่า 100% เร่งเดินหน้าผลิตซาชิมิและซูชิแช่แข็งอย่างต่อเนื่อง พร้อมเจาะตลาดส่งออกใหม่ ทั้งเกาหลีและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ตั้งเป้าหมายรายได้ปี 2551 กว่า 1,750 ล้านบาท
บริษัท เคแอนด์ยู เอ็นเตอร์ไพรซ์ จำกัด ผู้ผลิตอาหารญี่ปุ่นต้นตำรับทั้งซาชิมิและ ซูชิแช่แข็งจำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ โชว์ผลการดำเนินธุรกิจส่งออกในปี 2550 ทั้งในตลาดญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา ยุโรป และไทย คาดว่ามีรายได้กว่า 1,500 ล้านบาท และเตรียมพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อรองรับความต้องการของตลาด ซูชิแช่เย็น (Chill Sushi) ในต่างประเทศ ชูกลยุทธ์ขยายฐานการตลาดแบบต่อเนื่อง ทั้งญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกาและยุโรป และไทย พร้อมสร้างกระแสบริโภคอาหารญี่ปุ่นในกลุ่มประเทศเกาหลีและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากขึ้น มั่นใจศักยภาพของบริษัทฯ คาดปี 2551 เติบโตเพิ่มขึ้นอีก 15% ด้วยยอดขายกว่า 1,750 ล้านบาทแน่นอน
ดร. ธงชัย ธาวนพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยูเนี่ยนโฟรเซนโปรดักส์ จำกัด หนึ่งในบริษัทร่วมทุนจัดตั้งบริษัท เคแอนด์ยู เอ็นเตอร์ไพรซ์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายอาหารญี่ปุ่นต้นตำรับส่งออกทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ เปิดเผยว่า บริษัท เคแอนด์ยู เอ็นเตอร์ไพรซ์ จำกัด ได้ดำเนินธุรกิจส่งออกซาชิมิและซูชิแช่แข็งทั้งในประเทศและต่างประเทศเป็นเวลา 1 ปีผ่านมา สามารถผลิตสินค้าเป็นจำนวนทั้งสิ้น 3,500 ตัน ตั้งแต่ในช่วงเดือนสิงหาคม 2549 ถึงเดือนมิถุนายน 2550 คิดเป็นเงินมูลค่ากว่า 1,145 ล้านบาท โดยสามารถแบ่งสัดส่วนรายได้การจำหน่ายออกเป็นตลาดญี่ปุ่น จำนวน 955 ล้านบาท หรือประมาณ 83.25% ตลาดสหรัฐอเมริกาและยุโรป 100 ล้านบาท หรือประมาณ 9.20% และประเทศไทยอีก 90 ล้านบาท หรือประมาณ 7.55% ซึ่งคาดว่ารายได้ในเดือนกรกฎาคม — สิงหาคม 2550 จะสามารถทำเพิ่มได้อีกประมาณ 400 ล้านบาท จะทำให้ยอดรายได้เติบโตตรงตามเป้าหมาย 1,500 ล้านบาทอย่างแน่นอน
“สาเหตุที่ทำให้บริษัทฯ มีการเติบโตตรงตามเป้าหมายเป็นเพราะการบริหารงานแบบ “ร่วมมือเพื่อความเป็นหนึ่ง” หรือ “Together as One” ที่ใช้ศักยภาพความแข็งแกร่งของบริษัทแม่ทั้ง 2 บริษัทได้อย่างเต็มที่ ทั้งในเรื่องของความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในด้านการจัดหาวัตถุดิบอาหารทะเล การพัฒนาในด้านนวัตกรรมการผลิตและเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งช่องทางการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ผ่านทางเครือข่ายที่แข็งแกร่ง ทั้งในตลาดญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา ยุโรป และไทย จึงทำให้บริษัทฯ สามารถตอบสนองความต้องของผู้บริโภคทั่วโลกได้อย่างครบถ้วน”
ในปี 2551 บริษัทฯ ได้ตั้งเป้าหมายรายได้อยู่ที่ 1,750 ล้านบาท คิดเป็นมูลค่าเพิ่มขึ้นประมาณ 15% โดยเน้นการใช้ กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ 2 ส่วน คือ ด้านผลิตภัณฑ์ใหม่ ซึ่งปรับปรุงคุณภาพให้สามารถเก็บรักษาได้นานขึ้นในสภาพที่เป็นซูชิแช่เย็น (Chill Sushi) และการขยายฐานผู้บริโภคให้มากขึ้น ไปยังกลุ่มของตลาดญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกาและยุโรป และประเทศไทย ในสัดส่วน 70 : 20 : 10 ตามลำดับ โดยในประเทศญี่ปุ่นจะจำหน่ายผ่านช่องทางของบริษัท เคียวคุโย ประเทศญี่ปุ่น เน้นการขยายฐานไปยังกลุ่มคนรุ่นใหม่และกลุ่มผู้บริโภคที่รักสุขภาพเป็นหลัก พร้อมทั้งการกระจายสินค้าไปยังส่วนภูมิภาคของประเทศผ่านช่องทางของซูเปอร์มาร์เก็ตในรูปแบบของซูชิ ท้อปปิ้ง ด้านตลาดสหรัฐอเมริกาและยุโรป จะจำหน่ายผ่านช่องทางของบริษัท ยูเนี่ยนโฟรเซนโปรดักส์ จำกัด และเครือข่ายของบริษัท เคียวคุโย สหรัฐอเมริกา และบริษัท เคียวคุโย อัมสเตอร์ดัม ซึ่งเน้นขยายไปยังประเทศแคนาดามากขึ้น โดยผ่านช่องทางซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำในรูปแบบซูชิแช่แข็ง เป็นต้น นอกจากนี้ ยังได้เตรียมขยายช่องการทางจำหน่ายไปยังกลุ่มผู้บริโภคในประเทศเกาหลีและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เนื่องจากกระแสการบริโภคอาหารญี่ปุ่นกำลังเป็นที่นิยมและมีความต้องการบริโภคของกลุ่มผู้บริโภคเป็นจำนวนมาก
สำหรับการจำหน่ายซูชิในประเทศไทย บริษัทฯ ได้รับผลพลอยได้จากกระแสการบริโภคอาหารเพื่อสุขภาพ โดยเฉพาะอาหารญี่ปุ่นในประเทศไทย ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างสูง และมีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้นประมาณปีละ 10-15% จากมูลค่าตลาดอาหารญี่ปุ่นโดยรวมกว่า 6,000 ล้านบาท โดยบริษัทฯ ได้ใช้กลยุทธ์ในการนจำหน่ายผ่านช่องทางของบริษัท พรานทะเล มาร์เก็ตติ้ง จำกัด ที่มีร้านและคีออส (Kiosk) จำหน่ายซูชิกว่า 250 แห่ง ครอบคลุมทั้งซูเปอร์มาร์เก็ต โมเดิร์นเทรด คอนวีเนี่ยนสโตร์ และมินิมาร์ทในบริเวณกรุงเทพ ปริมณฑล และหัวเมืองใหญ่ของแต่ละภาค
มร. คิโยคาซุ ฟูคูอิ ประธานกรรมการ บริษัท เคียวคุโย จำกัด กล่าวว่า ในปัจจุบันเทรนด์การรักสุขภาพมีการขยายตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทั่วโลกโดยเฉพาะการบริโภคอาหารญี่ปุ่นทั้งซาชิมิและซูชิ โดยพฤติกรรมการบริโภคอาหารของผู้บริโภคในประเทศญี่ปุ่นมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยจะเน้นการบริโภคอาหารเพื่อสุขภาพ เช่น ซาชิมิและซูชิเป็นหลัก มีกำลังซื้อสูงและอัตราการซื้อในแต่ละครั้งเป็นปริมาณมาก ซึ่งบริษัทฯ ได้เตรียมตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค โดยเน้นการผลิตอาหารญี่ปุ่นรูปแบบต่างๆ ที่มีคุณภาพสูง เช่น ซูชิแช่แข็ง ซูชิท้อปปิ้งประเภทต่างๆ ที่ผลิตจาก ปลาหมึกกระดอง ปลาหมึกกล้วย กุ้ง และปลาแซลมอน เป็นต้น ซึ่งในปัจุบันมูลค่าตลาดซูชิในประเทศญี่ปุ่นโดยรวมมีประมาณ 1,500 — 2,000 พันล้านเยน หรือประมาณ 420-570 พันล้านบาท ซึ่งบริษัทฯ และบริษัท เคแอนด์ยู เอ็นเตอร์ไพรซ์ จำกัด มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ประมาณ 5-7%
นอกจากนี้ การขยายตัวของผู้บริโภคซาชิมิและซูชิในตลาดทั่วโลก เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงจากการบริโภคซาชิมิและซูชิรูปแบบสด (Fresh) และชิลล์ (Chill) เป็นการบริโภคแบบแช่แข็งเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากรูปแบบแช่แข็งมีความสะดวกในเรื่องสถานที่จำหน่าย และสามารถตอบสนองผู้บริโภคได้ตลอดเวลาและสามารถเก็บรักษาไว้ได้นาน
“ด้วยจุดเด่นและศักยภาพของผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ และกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจในเชิงรุกอย่างต่อเนื่อง การเพิ่มจุดจำหน่ายและขยายฐานผู้บริโภคเป็นวงกว้าง พร้อมทั้งการสร้างความน่าเชื่อถือให้ผู้บริโภคทั่วโลกเกิดความมั่นใจและไว้วางใจในผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ จะเป็นตัวกระตุ้นให้บริษัทฯ สามารถสร้างรายได้ในปี 2551 ตรงตามเป้าหมายทั้งสิ้น 1,750 ล้านบาทอย่างแน่นอน”
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม :
เจดับบลิวที พับบลิค รีเลชั่นส์, เจดับบลิวที ประเทศไทย
คุณประสิทธิ์ กฤษฎาอริยชน (บ๊อบ) โทร. 02-204-8216 มือถือ 081-586-2813 หรือ
คุณพรทิพย์ วิริยะกิจพัฒนา (บี) โทร. 02-204-8210 มือถือ 086-813-7981