กรุงเทพฯ--20 ธ.ค.--บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง
ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) คาดการณ์ว่าเข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2560 แล้ว ปีนี้ SET ปรับตัวขึ้นราว +11%YoY ขึ้นเด่นในช่วงปลายปี ตอบรับสัญญาณเศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัวขึ้น โดยหากอธิบายจาก ผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (GDP) ซึ่งประกอบด้วยฟันเฟืองหลัก 4 ตัว คือ 1) การบริโภคในประเทศ 2) การลงทุนภาคเอกชน 3) การใช้จ่ายภาครัฐฯ และ 4) การส่งออกสุทธิ จะพบว่าในปีที่ผ่านมา ตัวหลักที่มีสัญญาณเชิงบวกมากสุดคือ การส่งออกสุทธิ ซึ่งพบว่า ยอดรวมการส่งออก 10 เดือนแรกปี 2560 มีมูลค่าถึง 195,518 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น +9.7%YoY ทำจุดสูงสุดในรอบ 6 ปี ซึ่งเราคาดปีหน้าการส่งออกไทยยังสามารถเติบต่อไปต่อเนื่องอีกราว 5-6% ขานรับภาพรวมเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวทั้งใน สหรัฐฯ ยุโรป รวมถึง จีน ส่วนด้านการบริโภคในประเทศ
ปีนี้เริ่มเห็นสัญญาณการเร่งตัวขึ้นตั้งแต่ช่วง 3Q60 เป็นต้นมา โดยสะท้อนจากดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่เร่งตัวขึ้น 4 เดือนติดต่อกัน ล่าสุดมาอยู่ที่ระดับ 78 จุด รวมถึงตัวเลขการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (% same store sale growth : %SSSG) ในกลุ่มค้าปลีกหลายๆ บริษัทที่สามารถพลิกกลับมาเป็นบวกได้ ถือเป็นตัวบ่งชี้ภาคการบริโภคที่เริ่มกลับมา โดยในปีหน้า เราคาดแรงหนุนจากการบริโภคในประเทศยังคงมีทิศทางขาขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงครึ่งปีแรก ที่ได้อานิสงส์จากช่วง High Season และการรับประโยชน์จากฐานต่ำ เมื่อเทียบกับการบริโภคในปี 2560 คาดเป็นตัวเร่งแนวโน้มเศรษฐกิจไทยขยายตัว ส่วนสำหรับที่เหลืออีก 2 ตัว คือ การใช้จ่ายภาครัฐฯ รวมถึงการลงทุนภาคเอกชน ซึ่งถือว่าทำได้ไม่ค่อยดีนักในปีนี้ อย่างไรก็ดี เราคาดปีหน้ามีแนวโน้มจะดีขึ้นกว่าปีนี้ โดยสังเกตุได้จาก โครงการประมูลภาครัฐฯในปีหน้าที่คาดจะฟื้นตัวขึ้น (MBKET คาดจะมีเม็ดเงินประมูลปี 2561 ราว 9 แสนล้านบาท) ผสานกับความคืบหน้าที่มากขึ้นในการผลักดันโครงงาน EEC ซึ่งถือเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ช่วยหนุนความเชื่อมั่นของนักลงทุนเพิ่มเติม
ส่วนปัจจัยต่างประเทศ จากแนวโน้มความไม่แน่นอนทางด้านนโยบายของ FED ที่จะมีการเปลี่ยนประธาน FED ในช่วงต้นเดือน กพ. จากนางเจนเนต เยนเลน (คนเก่า) มาเป็น นายเจอโรม โพเวลส์ (คนใหม่) รวมถึงคะแนนเสียงที่ค่อนข้างสูสีในวุฒิสภาสหรัฐฯ ถือเป็นแรงกดดันต่อการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯต่างๆ ออกมา ถือเป็นปัจจัยบวกต่อประเทศในกลุ่มกำลังพัฒนา (EM) กลับดูน่าสนใจมากกว่า ซึ่งอาจเป็นตัวขับเคลื่อน Fund Flow ไหลเข้าไทยในปีหน้าได้ ส่วนปัจจัยสุดท้ายคงต้องฝากความหวังไว้กับการเลือกตั้งของไทย ซึ่งหากสามารถเป็นไปได้ตามแผนคือ ช่วงเดือน พย. ปีหน้า ก็จะเป็นแรงผลักดันการลงทุนสินทรัพย์เสี่ยงในช่วงครึ่งหลังของปีหน้า ขณะที่หากมีการเลื่อนออกอาจเป็น Downside Risk ได้
ดังนั้นโดยสรุปเราจึงประเมินแนวโน้มการลงทุนในตลาดหุ้นไทยปีหน้า จะยังปรับตัวขึ้นได้ต่อ โดยประเมินครึ่งปีหน้าคาดจะปรับตัวขึ้นเด่นกว่า ครึ่งปีหลัง ที่มีปัจจัยเสี่ยงด้านการเมืองรออยู่ สำหรับดัชนีเป้าหมายปีหน้าประเมินในกรณีฐาน (base case) ที่ 1760 จุด เทียบเคียง PE Ratio 16 เท่า และกรณีดีสุด (best case) ที่ 1870 จุด เทียบเคียง PE Ratio 17 เท่า โดยเน้น Theme การลงทุนที่น่าสนใจ คือ 1) เศรษฐกิจโลกปี 2561 ฟื้นตัว แนะสะสมกลุ่ม Logistic เลือก WICE, PORT เด่น และ 2) การบริโภคของชนชั้นกลางเร่งตัวขึ้น แนะสะสมกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ (AP, CPN,LPN, GOLD) และ กลุ่มสื่อโฆษณา (MACO, VGI) ผสานหุ้น Big Caps ที่น่าสนใจ นำโดย BANK (BBL, KBANK), ENERG (PTT, PTTEP), PETRO (IVL, PTTGC) และค้าปลีก (BJC, CPALL) เด่น