กรุงเทพฯ--20 ธ.ค.--เมคอะเว็ลท์ คอนซัลติ้ง
โดย ธำรงชัย เอกอมรวงศ์
(เจ้าของฉายา Freedom Trader ต้นฉบับเทรดเดอร์ระดับอินเตอร์)
การปรับตัวขึ้นของ ดัชนี SET ในช่วงโค้งท้ายปี 2560 ซึ่งปรับตัวขึ้นมาแตะที่ ระดับ 1,700 กว่าจุดแล้ว ทำให้เกิดคำถามว่า ราคาหุ้นขึ้นแพงมากแล้วหรือยัง เป็นปรับตัวขึ้นสูงสุดแล้วหรือไม่ หรือดัชนี SET จะสามารถขึ้นไปต่อได้อีกกี่จุด
ในมุมมองของผมนั้น สิ่งแรกที่อย่างจะชี้แจ้งให้นักลงทุนทุกคนเข้าใจตรงกันก่อนที่จะวิเคราะห์ดัชนี SET ในปี 2561 จะขึ้นหรือลง มากน้อยกี่จุด คือ การปรับตัวขึ้นของดัชนี SET ในปี 2560 นั้น ราคาหุ้นไมได้ปรับขึ้นจากด้านเทคนิคอล แต่ราคาหุ้นที่ขึ้นมานั้น มีปัจจัยจาก 'Valuation' หรือ SET ปรับขึ้นบนฐานที่คิดว่า มูลค่าของธุรกิจ หรือมูลค่าของกิจการจะดีขึ้นหลังจากนี้
ฉะนั้น นักลงทุนทุกท่านต้องเปรียบเทียบ ดู Valuation องค์รวม หรือ มูลค่าโดยรวมของธุรกิจก่อนในลำดับแรก ซึ่งวิธีการคำนวณ Valuation ที่ง่ายที่สุด โดยมีนักลงทุนนิยมใช้มากสุดกว่า 80% แต่ผมขอย้ำอีกครั้งนะครับ ว่าเป็นวิธีที่ง่ายที่สุด ไม่ใช่ดีที่สุดนะครับ นั้นคือการวิเคราะห์จาก ค่า Price to Earnings Ratio หรือที่ส่วนใหญ่จะเรียกว่า ค่า P/E ซึ่งขณะนี้ SET กำลังซื้อขายกันที่ P/E ระดับ 18 เท่ากว่า
ดัชนี SET ซื้อขายที่ P/E ระดับ 18-19 เท่า ยังถือว่าเป็นระดับที่พอมีพื้นที่ให้ปรับขึ้นอีกได้ เพราะระดับ P/E แพงที่สุดของ SET จะซื้อขายที่ระดับ 19.5-20 เท่า จากหลักการนี้ เชื่อว่า ดัชนี SET ในปี 2561 จะมีแนวโน้นที่สามารถปรับขึ้นได้ อย่างน้อย 100-200 จุด นับเป็นระดับที่เราสามารถคาดหวังได้ ตราบใดที่กำไรของบริษัทจดทะเบียนไม่ได้ออกมาแย่จนน่าตกใจ
ดังนั้นในช่วงไตรมาส 1-2 ของปี 2561 มองว่าดัชนีหุ้นไทย ไม่น่าจะลงอย่างมีนัยยะสำคัญ แต่อาจจะได้เห็นการพักฐานบ้าง แต่หากมองในภาพรวมทั้งปี 2561 ดัชนีหุ้นไทย มีโอกาสได้เห็น Up Side ระดับ 100-200 จุด ภายใต้บรรทัดฐานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ไม่ได้ปรับตัวลดลงอย่างมีนัยยะ หรือมีเหตุการณ์เหนือการคาดการณ์เข้ามากระทบ อาจได้เห็นการปรับฐานอยู่บ้าง เหมือนในปี 2560
สำหรับหมวดอุตสาหกรรมเด่น จะปรับเปลี่ยนไปตามรอบอุตสาหกรรม (Economic cycle) โดยในช่วงแรกหมวดอุตสาหกรรมที่น่าจับตาและมีแนวโน้มจะมาแรง คือ กลุ่มธุรกิจที่ได้รับผลบวกจากโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งเชื่อว่าในปี 2561 จะเริ่มเห็นความคืบหน้าที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น โดยหมวดอุตสาหกรรมที่โดดเด่น มี 2 หมวด ได้แก่ หมวดอุตสาหกรรมรับเหมาก่อสร้าง และหมวดอุตสาหกรรมวัสดุ-อุปกรณ์ก่อสร้าง เช่น เหล็ก หิน ดิน ทราย เป็นต้น สำหรับหมวดอุตสาหกรรมพลังงานและโรงไฟฟ้า ซึ่งได้ปรับตัวขึ้นมาแรง และเป็นพระเอก ในปี 2560 ก็มองว่า อาจจะไปต่อได้ในปี 2561 แต่คงไม่หวือหวาเหมือนเดิม
สรุปภาพโดยรวมตลาดหุ้นไทยในมุมมองของผม คือ SET ที่แตะระดับ 1,700 จุด นั้น ไม่ได้ดูน่ากลัวอย่างที่นักลงทุนหลายคนกังวล และในปี 2561 จะได้เห็นดัชนีหุ้นไทย มีการพักฐานบ้างในบางช่วงบางเวลา แต่จะไม่ได้ปรับตัวลดลงอย่างมีนัยยะจนน่าตกใจ ในขณะเดียวกับมองในเชิงบวกว่าจะสามารถปรับตัวขึ้นได้ในระดับ 100-200 จุด อ้างอิงระดับ P/E สูงสุดไม่เกิน 20 เท่า ต่ำสุดที่ระดับ 15-16 เท่า