กรุงเทพฯ--21 ธ.ค.--พีอาร์ดีดี
นายณรงค์ศักดิ์ ปลอดมีชัย กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยถึงกลยุทธ์การลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว หรือ LTF และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ หรือ RMF ช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้ว่า ยังคงแนะนำให้ลงต่อเนื่องเพื่อสิทธิประโยชน์ทางภาษี
นอกจากนี้มองว่าแนวโน้มของเศรษฐกิจไทยในช่วงปี 2561 ยังคงดีอย่างต่อเนื่อง โดยในปีหน้าจะเป็นปีของการฟื้นตัวของการบริโภคภาคเอกชนภายหลังจากที่ภาคการส่งออกและการท่องเที่ยวปรับตัวขึ้นได้ดีมากในปี 2560 ซึ่งจะผลักดันให้การจ้างงานต่างๆ ปรับตัวดีขึ้น ส่งผลบวกต่อการบริโภคภาคเอกชนในปีหน้า อีกทั้งปัจจัยบวกเรื่องการเลือกตั้งในปี 2561 ยังเสริมความเชื่อมั่นต่อการลงทุนภาคเอกชนให้ดีขึ้นและยังส่งผลดีการบริโภคอีกทางหนึ่งด้วย
ในขณะที่การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและเขตเศรษฐกิจพิเศษตะวันออกก็จะเป็นตัวขับเคลื่อนหลักให้เศรษฐกิจไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่องในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า และจะวนมาผลักดันให้การลงทุนภาคเอกชนดีขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกัน ดังนั้นในปี 2561 จึงเป็นปีที่เครื่องจักรทางเศรษฐกิจทำงานทุกตัว บริษัทฯ จึงมีมุมมองที่เป็นบวกต่อหุ้นไทยและคาดการณ์ว่าหุ้นไทยจะขึ้นไปอยู่ที่ระดับ 1,830 จุดในปี 2561 ได้
สำหรับในระยะสั้นจนถึงสิ้นปีนี้ บลจ.ไทยพาณิชย์คาดหุ้นจะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,700-1,750 จุด โดยได้รับปัจจัยบวกจากแรงซื้อ LTF RMF ในช่วงสิ้นปี แต่ก็จะถูกกดดันจากแรงขายต่างชาติที่ทยอยขายทำกำไรเพื่อล็อกผลตอบแทนจากหุ้นไทยที่ยังคงทำได้ดีในปีนี้ไว้ก่อน จึงเป็นจังหวะที่หุ้นพักตัวในกรอบแคบ อันจะเป็นจังหวะที่ดีในการสะสมการลงทุนในกองทุน LTF และกองทุน RMF
ทั้งนี้กองทุน LTF แนะนำให้ลงทุนในกองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาวปันผล 70/30 (SCBLT1) ซึ่งมีนโยบายการลงทุนในหุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่มีนโยบายหรือมีการจ่ายปันผลอยางสม่ำเสมอ เฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 และไม่เกินร้อยละ 70 ของมูลค่าทรัพย์สินของกองทุนรวม โดยผลการดำเนินงานที่ผ่านมาสามารถสร้างผลตอบแทนที่โดดเด่น ย้อนหลัง 6 เดือน อยู่ที่ 10.18%ต่อปี 1 ปีอยู่ที่ 13.93%ต่อปี และตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันอยู่ที่ 12.73%ต่อปี เมื่อเทียบกับดัชนีอ้างอิงอย่าง SET Index ซึ่งมีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 6 เดือน อยู่ที่ 7.49%ต่อปี 1 ปีอยู่ที่ 12.03%ต่อปี และตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันอยู่ที่ 10.82%ต่อปี (ข้อมูล ณ 15 ธ.ค. 2560 )
และกองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาวทาร์เก็ต (SCBLTT) ซึ่งมีนโยบายการลงทุนในหุ้นสามัญที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่มีพื้นฐานดี มั่นคง และมีแนวโน้มเจริญเติบโตสูง ไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 ของมูลค่าทรัพย์สินของกองทุนรวม โดยผลการดำเนินงานที่ผ่านมาสามารถสร้างผลตอบแทนที่โดดเด่น ย้อนหลัง 6 เดือน อยู่ที่ 13.47%ต่อปี 1 ปีอยู่ที่ 18.94%ต่อปี และตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันอยู่ที่ 17.15%ต่อปี เมื่อเทียบกับดัชนีอ้างอิงอย่าง SET Index ซึ่งมีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 6 เดือน อยู่ที่ 10.45%ต่อปี 1 ปีอยู่ที่ 16.65%ต่อปี และตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันอยู่ที่ 14.89%ต่อปี (ข้อมูล ณ 15 ธ.ค. 2560 )
ส่วนกองทุนรวม RMF แนะนำให้ลงทุนในกองทุนเปิดไทยพาณิชย์เฟล็กซิเบิ้ลฟันด์เพื่อการเลี้ยงชีพ (SCBRM3) มีนโยบายลงทุนผสมแบบไม่กำหนดสัดส่วนการลงทุนในตราสารทุน โดยผู้จัดการกองทุนจะจัดสัดส่วนให้เหมาะสมกับสภาวการณ์ในแต่ละขณะ อาจพิจารณาลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพื่อป้องกันความเสี่ยง และลงทุนในตราสารที่มีลักษณะของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง โดยผลการดำเนินงานย้อนหลัง 6 เดือน อยู่ที่ 6.33%ต่อปี 1 ปีอยู่ที่ 8.76%ต่อปี และตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันอยู่ที่ 7.73%ต่อปี เมื่อเทียบกับดัชนีอ้างอิง SET Index ซึ่งมีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 6 เดือน อยู่ที่ 5.62%ต่อปี 1 ปีอยู่ที่ 9.17%ต่อปี และตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันอยู่ที่ 8.45%ต่อปี (ข้อมูล ณ 15 ธ.ค. 2560 )