กรุงเทพฯ--3 ก.ย.--ตลท.
ตลาดหลักทรัพย์ฯ เผยการใช้หลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับ Equity ETF (Equity Exchange Traded Fund) เป็นหลักเกณฑ์เดียวกับการซื้อขายหุ้น ทั้งการที่ต้องเข้าจดทะเบียนเป็นหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ฯ เกณฑ์การซื้อขาย เช่น การส่งคำสั่งแบบ basket order การกำหนดราคาสูงสุด ต่ำสุดในอัตราร้อยละ 30 จากราคาปิดครั้งก่อน รวมทั้ง การทำ short sales และการชำระราคาและส่งมอบหลักทรัพย์ ทั้งนี้ Equity ETF เป็นตราสารใหม่ที่เปิดให้ผู้ลงทุนซื้อขายได้ในลักษณะเดียวกับการลงทุนในหุ้น คือ ต้องซื้อขายผ่านโบรกเกอร์ และสามารถซื้อขายโดยอ้างอิงราคา Real time รวมทั้ง มีผู้ดูแลสภาพคล่องตลอดเวลาของการซื้อขาย ซึ่งเป็นคุณลักษณะเดียวกับการซื้อขายหุ้น
นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ปรับหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับ Equity ETF ให้เป็นหลักเกณฑ์เดียวกับหลักเกณฑ์สำหรับหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ ทั้งการที่ต้องเป็นหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ฯ การส่งคำสั่งซื้อขายที่เหมือนหุ้นทั่วไป เช่น การส่งคำสั่งแบบ basket order การกำหนดราคาสูงสุด ต่ำสุดไม่เกินร้อยละ 30 ของราคาปิดครั้งก่อน รวมทั้ง การทำ short sales การชำระราคาและส่งมอบหลักทรัพย์
“Equity ETF เป็นหลักทรัพย์ที่ต้องจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เช่นเดียวกับหุ้น และต้องมีการซื้อขายผ่านโบรกเกอร์เท่านั้น นอกจากนี้ ผู้ลงทุนยังสามารถซื้อขายและรู้ราคาซื้อขาย Equity ETF ได้ real time และมี market maker คอยดูแลสภาพคล่องให้ตลอดเวลา นอกจากนั้น ยังสามารถนำ Equity ETF ของไทยไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศได้ในขณะที่สามารถนำ Equity ETF ต่างประเทศเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้เช่นกัน ซึ่งเป็นช่องทางการเชื่อมโยงที่สำคัญกับตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศอีกด้วย” นางภัทรียากล่าว
ทั้งนี้ การจัดตั้ง Equity ETF ในตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศหลายแห่ง สามารถจัดตั้งโดยสถาบันการเงินต่าง ๆ ทั้งธนาคารพาณิชย์ บริษัทหลักทรัพย์จัดการลงทุน (บลจ.) และบริษัทหลักทรัพย์ได้ ในขณะที่การจัดตั้งกองทุนรวม จะต้องจัดตั้งโดยบลจ. เท่านั้น
คุณมาริษ ท่าราบ นายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์จัดการลงทุน กล่าวว่า “เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งว่า Equity ETF เป็นผลิตภัณฑ์ทางการเงินประเภทใหม่ที่น่าส่งเสริม และเชื่อว่าจะเป็นที่สนใจของผู้ลงทุนรายย่อยและสถาบันทั้งในและต่างประเทศ นับเป็นทางเลือกใหม่สำหรับผู้ลงทุน และที่สำคัญนับเป็นการเพิ่มผลิตภัณฑ์ให้กับตลาดทุนไทยให้ครบวงจรยิ่งขึ้น”
นายวิชัย พูลวรลักษณ์ นายกสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย กล่าวว่า “Equity ETF เป็นตราสารใหม่ที่เหมาะสำหรับผู้ลงทุนรายย่อย เนื่องจากเป็นตราสารที่ช่วยกระจายความเสี่ยงได้ เพราะมีลักษณะเหมือนการลงทุนในหุ้น แต่เป็นการลงทุนในกลุ่มหุ้นตามดัชนีที่ใช้อ้างอิง ทำให้ได้รับผลกระทบไม่มากนักเมื่อราคาหุ้นตัวใดตัวหนึ่งปรับลดลง และไม่ต้องแบกรับความเสี่ยงจากการเลือกลงทุนในหุ้นหุ้นใดหุ้นหนึ่งด้วยตัวเอง ดังนั้น จึงเป็นตราสารที่เป็นประโยชน์ในการเป็นทางเลือกใหม่สำหรับผู้ลงทุน และทำให้ตลาดทุนไทยมีความน่าสนใจเพิ่มมากขึ้น ทั้งต่อผู้ลงทุนในประเทศและผู้ลงทุนต่างประเทศ”
นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการ สมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ กล่าวเสริมว่า “ด้วยลักษณะของการลงทุนใน Equity ETF ที่มีรูปแบบเช่นเดียวกับการลงทุนในหุ้นโดยการลงทุนแบบตระกร้าหุ้น ซึ่งแตกต่างจากกองทุนทั่วไป รวมทั้ง ผู้ลงทุนสามารถลงทุนโดยอ้างอิงราคา Real time ได้ นอกจากนี้ ยังมีผู้ดูแลสภาพคล่องตลอดเวลา จึงทำให้การลงทุนใน Equity ETF มีความน่าสนใจมากขึ้น นอกจากนี้ การที่ Equity ETF เป็นผลิตภัณฑ์ที่อ้างอิงดัชนีทั้งในตลาดตราสารทุน และตลาดอนุพันธ์ ซึ่งสอดคล้องและส่งเสริม SET50 Index Futures จึงมีส่วนอย่างยิ่งที่จะช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้กับกลุ่มหุ้นและตราสารอนุพันธ์ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการสร้างความน่าสนใจต่อตลาดทุนโดยรวม”
ปัจจุบัน กองทุน ETF เป็นที่นิยมอย่างกว้างขวางในวงการตลาดทุนทั่วโลก มูลค่าทรัพย์สินของ ETF ทั่วโลกรวมกัน มีอัตราการเติบโตแบบสะสม(Compound Annual Growth Rate) ประมาณร้อยละ 70 หรือเกือบเท่าตัวทุก ๆ ปีตั้งแต่ปี 2536 ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ในภูมิภาคไม่ว่าจะเป็นตลาดเกาหลี ไต้หวัน สิงคโปร์ มาเลเซีย หรือแม้กระทั่งตลาดใหม่อย่างจีน ได้มีการจัดตั้งและซื้อขาย ETF แล้ว
ผู้สนใจรายงานผลการศึกษาเรื่อง “การออก ETF ในไทย : โอกาสและข้อจำกัด” รวมถึงพัฒนาการในด้านต่างๆ ของตลาดทุนไทยและต่างประเทศ สามารถติดตามได้จากเว็บไซต์ตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ www.set.or.th/setresearch/setresearch.html
ติดต่อส่วนสื่อมวลชนสัมพันธ์ ฝ่ายสื่อสารองค์กร
ลดาวัลย์ กันทวงศ์ โทร.0-2229 — 2036/ ศรินทร์ลักษณ์ จิตกะวงศ์ โทร. 0-2229 — 2037 /
ณัฐพร บุญประภา โทร. 0-2229 — 2049/วรรษมน เสาวคนธ์เสถียร โทร. 0-2229-2797