กรุงเทพฯ--22 ธ.ค.--มีเดีย แพลนเนอร์ คอนซัลแทนท์
บมจ.เอเชีย กรีน เอนเนอจี หรือ AGE วางกลยุทธ์แผนธุรกิจปี 2561 ประกาศตั้งเป้ายอดขายถ่านหินโต 20-25% เร่งเดินหน้าเจาะตลาดจีน – เวียดนาม หวังปั๊มรายได้เพิ่ม ด้านผู้บริหาร "พนม ควรสถาพร" เล็งปรับสัดส่วนต่างประเทศ เพิ่มเป็น 30% เหตุเตรียมแผนบุกตลาดเพิ่ม พร้อมระบุ เดือนมกราคม ปี 2561 บริษัทร่วมทุนกับพันธมิตรจีน ฉลุย ตั้งเป้ายอดขายแตะ 3 แสนตัน ขณะที่เวียดนาม พร้อมเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ ลุ้นยอดขายแตะ 2 แสนตัน
นายพนม ควรสถาพร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอเชีย กรีน เอนเนอจี จำกัด (มหาชน) หรือ AGE ผู้นำเข้าและจำหน่ายถ่านหินบิทูมินัส (ถ่านหินสะอาด) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายถ่านหินในปี 2561 เติบโต 20-25% โดยบริษัทฯ ยังคงมองโอกาสขยายธุรกิจไปในต่างประเทศเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะประเทศจีน ซึ่งถือว่าเป็นผู้บริโภคถ่านหินที่ใหญ่ที่สุดในโลก ทำให้ในช่วงที่ผ่านมา AGE มีการเร่งทำกลยุทธ์ เพื่อเจาะตลาดในประเทศดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง
โดยการเข้าลงทุนในบริษัทร่วมทุนกับพันธมิตร บริษัท Fuzhou Xindian Fuel Co., Ltd ในประเทศจีน ผ่าน บริษัทเอจีอี โกลบอล เทรด (ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ที่ AGE ถือหุ้น 100%) เพื่อรองรับการขยายการลงทุนธุรกิจถ่านหินในประเทศจีนนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างจดทะเบียนเพื่อจัดตั้งบริษัท โดยคาดจะแล้วเสร็จ และเริ่มดำเนินธุรกิจในเชิงพาณิชย์ ได้ภายในช่วงไตรมาส 1 ปี 2561 ส่งผลให้AGE ตั้งเป้ายอดขายถ่านหินในประเทศจีนในปี 2561 ไว้ที่ระดับ 3 แสนตันต่อปี
สำหรับในประเทศเวียดนาม ประธานกรรมการบริหาร AGE กล่าวว่า หลังจากที่ได้มีการจัดตั้งบริษัท VINA AGE Co. Ltd. ในเดือนสิงหาคม 2560 ที่ผ่านมา บริษัทฯได้วางกลยุทธ์เพื่อเจาะตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยมีการก่อสร้างคลังสินค้าถ่านหิน และโรงงานคัดร่อน ในประเทศเวียดนาม ซึ่งสามารถรองรับได้สูงสุดถึงประมาณ 3 – 4 หมื่นตันต่อเดือน เพื่อรองรับความต้องการของกลุ่มลูกค้าในประเทศดังกล่าว โดยล่าสุด บริษัทฯ เริ่มมีการทดลองเดินเครื่องจักร เพื่อเตรียมความพร้อมในการดำเนินการเชิงพาณิชย์ ภายในเดือนมกราคมปี 2561 เป็นต้นไป โดยบริษัทฯ ได้มีการตั้งเป้ายอดขายในเวียดนามไว้ที่ระดับ 2 แสนตันต่อปี
บริษัทฯ ตั้งเป้าการเติบโตของยอดขายรวมอยู่ที่ 20-25% จากกลยุทธ์ขยายตลาดในต่างประเทศในปี 2561 ทำให้บริษัทฯ คาดการสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศ จะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 30% และในประเทศจะอยู่ที่ 70% เมื่อเทียบกับปี 2560 ที่สัดส่วนรายได้ต่างประเทศจะอยู่ที่ประมาณ 20% และในประเทศอยู่ที่ประมาณ 80% บริษัทฯ คาดสัดส่วนรายได้จากธุรกิจบริการปี 2561 จะเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 5% จากปีนี้ ที่คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 2% ของรายได้รวม สำหรับสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นมาจากการรับรู้รายได้จากการบริการขนส่งสินค้าทางน้ำ โดยมีเรือจำนวนทั้งหมด 8 ลำ ซึ่งจะรับรู้รายได้ขนส่งเข้าเต็มปี นอกจากนี้บริษัทฯ มีแผนจะเพิ่มเรือในปี 2561 เพื่อให้บริการขนส่งสินค้าอีก 4 ลำ โดยคาดจะใช้งบลงทุนประมาณ 72 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม นายพนม ยังได้กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า แม้ว่าบริษัทฯ มีแผนขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่อง แต่บริษัทฯ ก็ยังมุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคม และสิ่งแวดล้อม โดยในปีนี้บริษัทฯได้รับรางวัล Thailand Coal Awards 2017 และ รางวัล CSR-DIW Continuous Award 2017