กรุงเทพฯ--25 ธ.ค.--WWF ประเทศไทย
กิ้งก่าจระเข้, เต่านาอีสาน, ค้างคาวมงกุฎภูเขา เป็นส่วนหนึ่งของ 115 ชนิดพันธุ์สิ่งมีชีวิตที่ค้นพบล่าสุดในพื้นที่ลุ่มแม่น้ำโขง ประจำปี 2560 จากรายงาน สัตว์โลกลี้ลับ (Stranger Species) ขององค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล (WWF) เผยให้เห็นถึง การค้นพบอันน่าทึ่งของทีมนักวิทยาศาสตร์ ที่ทำงานศึกษาวิจัยอยู่ในพื้นที่ลุ่มแม่น้ำโขง ทั้งนี้ สิ่งมีชีวิตที่ค้นพบใหม่ แบ่งได้เป็นสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก 11 ชนิดพันธุ์ ปลา 2 ชนิดพันธุ์ สัตว์เลื้อยคลาน 11 ชนิดพันธุ์ พืช 88 ชนิดพันธุ์ และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอีก 3 ชนิดพันธุ์ โดยพื้นที่ที่ค้นพบได้แก่ กัมพูชา ลาว เมียนมาร์ เวียดนาม และไทย
การค้นพบครั้งนี้ยังรวมถึง กบสีสันสวยงามซึ่งพบในพื้นที่ภูเขาหินปูนในประเทศเวียดนาม ตัวตุ่นจำนวน 2 ชนิดพันธุ์ซึ่งพบโดยทีมนักวิทยาศาสตร์ชาวเวียดนามและชาวรัสเซีย ปลาโลซ (loach) ลำตัวยาวและมีลายพาดขวางสลับสีเข้มอ่อนพบในประเทศกัมพูชา การสำรวจดังกล่าวดำเนินการโดย WWF เริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 2540 จนถึงปัจจุบัน รวมจำนวนสัตว์และพืชสายพันธุ์ใหม่ที่ค้นพบทั้งหมดในพื้นที่ลุ่มน้ำโขง มีจำนวนมากถึง 2,524 ชนิดพันธุ์
"ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา เราสำรวจพบสิ่งมีชีวิตมากกว่า 2 ชนิดพันธุ์ทุกสัปดาห์ รวมแล้วมากกว่า 2,500 ชนิด นี่บ่งบอกถึงความมหัศจรรย์ของความหลากหลายทางชีวภาพของภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงในระดับโลก แม้ว่าปัจจุบันภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงจะต้องเผชิญกับภัยคุกคามทางธรรมชาติรูปแบบต่างๆ แต่การค้นพบสิ่งมีชีวิตชนิดพันธุ์ใหม่ๆ ก็ทำให้เรามีความหวังถึงการมีชีวิตรอดของไม่ว่าจะเป็นเสือหรือเต่าตัวเล็กๆ" Stuart Chapman ตัวแทน WWF ประจำภูมิภาคลุ่มน้ำโขงกล่าว
จุดเด่นของรายงาน สัตว์โลกลี้ลับลุ่มน้ำโขง (Stranger Species)
• ค้างคาวมงกุฎภูเขา (Mountain Horseshoe bat) หรือชื่อทางวิทยาศาสตร์คือ Rhinolophus monticolus พบในพื้นที่ป่าดงดิบในเทือกเขาของประเทศลาว และประเทศไทย การค้นพบครั้งนี้ใช้เวลานานถึง 10 ปีในการตรวจสอบจนกระทั่ง ดร.พิพัฒน์ สร้อยสุข จะสามารถระบุได้ว่า ค้างคาวที่พบเป็นสัตว์ชนิดพันธุ์ใหม่ จากลักษณะโครงหน้าค้างค้าวที่แตกต่างจากค้างคาวมงกุฎชนิดพันธุ์อื่น คือ มีแผ่นจมูก (noseleaf) สีส้ม
• กิ้งก่าจระเข้ (Vietnamese crocodile lizard) หรือชื่อทางวิทยาศาสตร์คือ Shinisaurus crocodilurus vietnamensis เป็นสัตว์เลื้อยคลานขนาดกลาง อาศัยอยู่ในพื้นที่ชุ่มน้ำและป่าดิบทางตอนใต้ของประเทศจีนและทางตอนเหนือของประเทศเวียดนาม ปัจจุบันภัยคุกคามหลักต่อการอยู่รอดของกิ้งก่าจระเข้มาจากการบุกรุกพื้นที่ป่า การทำเหมืองถ่านหิน และการลักลอบซื้อขายสัตว์ป่าเพื่อนำมาขาย คาดว่า มีกิ้งก่าสายพันธุ์ดังกล่าวเหลืออยู่ในประเทศเวียดนามเพียง 200 ตัวเท่านั้น กิ้งก่าชนิดพันธุ์นี้ค้นพบโดย ดร. Thomas ziegler นอกจากนี้ ยังได้รับความสนใจนำไปวาดเป็นการ์ตูนประกอบในหนังสือชื่อ "shini" เพื่อเผยแพร่ให้นักเรียนเข้าใจถึงความสำคัญของกิ้งก่าจระเข้
• เต่านาอีสาน (snail eating turtle) หรือชื่อทางวิทยาศาสตร์คือ Malayemys isan มีความแตกต่างจากสัตว์ชนิดอื่น เพราะไม่ได้ถูกค้นพบในพื้นที่ป่าหรือแหล่งน้ำ แต่พบในตลาดแห่งหนึ่งทางภาคเหนือของประเทศไทย โดยดร.มนตรี สุมณฑา ผู้ค้นพบสังเกตเห็นเต่าชนิดนี้ที่ตลาด และจึงนำมาศึกษาวิจัย ปัจจุบันเต่านาอีสานกำลังถูกคุกคามอย่างหนักจากการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคต่างๆ เช่น การสร้างเขื่อน
• ตัวตุ่น (Moles) ค้นพบที่ประเทศเวียดนาม การค้นพบดังกล่าวทำให้ได้ข้อมูลเชิงลึกถึงวิวัฒนาการและการพัฒนาของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในอินโดจีน เพราะพบได้ตามแหล่งน้ำลำธารสาขาทางตอนเหนือของประเทศเวียดนาม หนึ่งในทีมนักวิจับที่ค้นพบคือ ดร. Alexei Abramov ระบุว่า การที่ตัวตุ่นอาศัยอาศัยอยู่ใต้ดิน เป็นหนึ่งในวิธีการเอาตัวรอดของตัวตุ่นเพื่อดำรงจำนวนประชาชากรและหลบหนีนักล่า
• กบสีสันสดสวยงาม หรือชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Odorrana Mutschmanni คือหนึ่งใน 5 ของสัตว์ชนิดพันธุ์ใหม่ที่พบในบริเวณภูเขาหินปูนทางตอนเหนือของเวียดนาม คณะวิจัยที่นำโดย ดร. Truong Nguyen ระบุว่า กบชนิดนี้กำลังถูกคุกคามจากการทำเหมืองหิน สำหรับการก่อสร้างปูนซีเมนต์และการสร้างถนน และป่าซึ่งที่เป็นพื้นที่อยู่อาศัยของมันต้องการการปกป้องอย่างเร่งด่วน
• ปลาโลซ (loach) พบในประเทศกัมพูชา ปลาชนิดดังกล่าวมีลายพาดสีเข้มสลับสีอ่อนที่โดดเด่นตลอดลำตัวยาว
• กบและพืชจำนวน 4 ชนิดที่พบในประเทศเมียนมาร์ ซึ่งนำไปสู่การสำรวจทางวิทยาศาสตร์ และเก็บข้อมูลสัตว์ป่าชนิดพันธุ์ต่างๆ หลายร้อยชนิด
การค้นพบสัตว์สายใหม่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่สำคัญอย่างมาก เพราะปัจจุบัน ภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงกำลังเผชิญกับการพัฒนาขนาดใหญ่จำนวนมากไม่ว่าจะเป็น การทำเหมือง ถนน และเขื่อน ที่เป็นภัยคุกคามสำคัญต่อการอยู่รอดของพื้นที่ป่าตามธรรมชาติ การลักลอบล่าสัตว์ป่าเพื่อเอาเนื้อมาบริโภค และธุรกิจการค้าสัตว์ป่าผิดกฎหมายที่ส่งผลต่อการอยู่รอดของสัตว์ป่าในภูมิภาค
ทั้งนี้ การซื้อขายสัตว์ป่าผิดกฎหมาย เป็นตัวแปรหลักที่สำคัญต่อการลดลงของจำนวนสัตว์ป่าในภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ตลาดค้าสัตว์ป่าที่ตั้งอยู่ในประเทศลาวและประเทศพม่า บริเวณสามเหลี่ยมทองคำ ประกอบกับความต้องการซื้อจำนวนมากจากนักท่องเที่ยวจีนและเวียดนาม ที่เดินทางมายังตลาดมงลาและตลาดท่าขี้เหล็กในประเทศพม่า ตลาดบ่อเต็นและบริเวณเขตเศรษฐกิจพิเศษของประเทศลาว ก็กระตุ้นให้เกิดการล่าสัตว์ป่าเพิ่มมากขึ้น
Stuart Chapman ย้ำว่า "สิ่งมีชีวิตที่พบในพื้นที่แม่น้ำโขงเปรียบเสมือนผลงานศิลปะจากธรรมชาติ ซึ่งสมควรได้รับการปกป้องจากนักสะสมที่ไร้จิตสำนึก ที่หวังเพียงครอบครองสิ่งมีชีวิตที่มีค่าเหล่านี้ ตลาดสามเหลี่ยมทองคำเป็นพื้นที่เปิดให้มีการค้าขายสัตว์ป่าอย่างเปิดเผย จำเป็นที่รัฐบาลในภูมิภาคควรต้องเร่งดำเนินการต่อต้านการค้าสัตว์ป่าและปิดตลาดให้ได้เร็วที่สุด รวมถึงธุรกิจฟาร์มเสือและฟาร์มหมี"
ทั้งนี้ WWF ได้นำเสนอ โครงการ เพื่อหยุดยั้งการค้าขายสัตว์ป่าและปิดตลาดค้าสัตว์ป่าที่ผิดกฎหมายในภูมิภาคลุ่มน้ำโขง โดยเป็นการทำงานร่วมกับพันธมิตรจากประเทศต่าง ๆ WWF มีปณิธานที่ชัดเจนว่าจะลดจำนวนการค้าสัตว์ป่า ซึ่งกำลังคุกคามความเป็นอยู่ของสิ่งมีชีวิตหลากหลายสายพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็น ช้าง เสือ และแรด ผ่านการทำงานสนับสนุนกลไกด้านกฎหมาย การประสานความร่วมมือระหว่างชายแดน และการเพิ่มมาตรการกดดันการซื้อขายสินค้าจากสัตว์ป่าข้ามชายแดนให้เข้มข้นมากขึ้น