กรุงเทพฯ--26 ธ.ค.--กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี รวม 7 ตำบล 27 หมู่บ้าน 7 ชุมชน ประชาชนได้รับผลกระทบ 1,200 ครัวเรือน 5,200 คน ทั้งนี้ ปภ.ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยครอบคลุมทุกด้านอย่างต่อเนื่อง พร้อมประสานภาคใต้เตรียมพร้อมรับมือฝนตกหนักจากอิทธิพลพายุเท็มบินในช่วงวันที่ 27 – 29 ธันวาคม 2560 โดยจัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศและเฝ้าระวังสถานการณ์ภัย รวมถึงจัดเตรียมชุดเคลื่อนที่เร็ว เครื่องมืออุปกรณ์ให้พร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยทันทีที่เกิดภัย
นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า สถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้จากอิทธิพลมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ ตั้งแต่วันที่ 25 พฤศจิกายน – 25 ธันวาคม 2560 ทำให้เกิดน้ำไหลหลากในพื้นที่ 11 จังหวัด ได้แก่ ปัตตานี ยะลา สงขลา พัทลุง ตรัง สตูล ชุมพร นราธิวาส นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี และกระบี่ รวม 123 อำเภอ 835 ตำบล 6,187 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 598,568 ครัวเรือน 1,906,786 คน เสียชีวิต 38 ราย ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้ว 10 จังหวัด ได้แก่ กระบี่ สตูล ยะลา นราธิวาส ชุมพร ปัตตานี ตรัง สงขลา พัทลุง และนครศรีธรรมราช ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยในจังหวัดสุราษฎร์ธานี พื้นที่อำเภอพุนพิน รวม 7 ตำบล 27 หมู่บ้าน 7 ชุมชน ประชาชนได้รับผลกระทบ 1,200 ครัวเรือน 5,200 คน ทั้งนี้ ปภ.ได้ประสานจังหวัด หน่วยทหาร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่เร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างเต็มกำลัง พร้อมนำทรัพยากรและเครื่องจักรกลด้านสาธารณภัยจากศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตสนับสนุนการแก้ไขปัญหาอุทกภัยและช่วยเหลือผู้ประสบภัย ตลอดจนประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ ทั้งนี้ จากการติดตามสภาพอากาศกับกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า อิทธิพลของพายุโซนร้อน "เท็มบิน" บริเวณทะเลจีนใต้ตอนล่าง กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตก คาดว่าจะเคลื่อนตัวผ่านทางตอนใต้ของประเทศเวียดนามในวันนี้ (26 ธ.ค.60) ส่งผลให้ประเทศไทยตอนล่างมีฝนตกเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงวันที่ 27 – 29 ธ.ค.60 อาจมีฝนตกหนักในพื้นที่ภาคใต้ ปภ.จึงได้ประสานจังหวัดและศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตในพื้นที่เสี่ยงภัยเตรียมพร้อมรับมือภาวะฝนตกหนักและฝนตกสะสมโดยจัดเจ้าหน้าที่และมิสเตอร์เตือนภัยติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน ระดับน้ำ และแนวโน้มสถานการณ์ภัยอย่างใกล้ชิด รวมถึงจัดเตรียมชุดเคลื่อนที่เร็ว เครื่องมืออุปกรณ์ให้พร้อมปฏิบัติการ เผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัย อีกทั้งขอให้ประชาชนที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัยติดตามพยากรณ์อากาศ และปฏิบัติตามประกาศเตือนภัยอย่างเคร่งครัด สำหรับคลื่นลมในอ่าวไทยตอนล่างมีกำลังแรง และคลื่นสูง 2 – 4 เมตร ขอให้ประชาชนบริเวณชายฝั่งระมัดระวังอันตรายจากคลื่นซัดฝั่ง ชาวประมงให้เดินเรือด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ เรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง ท้ายนี้ ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป