กรุงเทพฯ--28 ธ.ค.--มีเดีย แพลนเนอร์ คอนซัลแทนท์
บมจ.วินท์คอม เทคโนโลยี (VCOM) เตรียมทำตลาดกลุ่มประเทศ CLM เต็มที่ หลังได้เงินระดมทุน IPO จำนวน 230 ล้านบาท หวังขึ้นแท่นผู้นำทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ทั้งด้านการนำเสนอโซลูชั่น แบบครบวงจร ในเขตประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ด้านผู้บริหาร "ทรงศรี ศรีรุ่งเรืองจิต" ระบุ ภายในอีก 2-3ปีข้างหน้า VCOM จะมีอัตราการเติบโตแบบก้าวกระโดด สาเหตุจาก รายได้บริการ จากบริษัทวีเซิร์ฟพลัส โดดเด่นมาร์จิ้นสูง พร้อมตั้งเป้าสัดส่วนรายได้จากการให้บริการที่ 50%
นางทรงศรี ศรีรุ่งเรืองจิต กรรมการผู้จัดการ บมจ.วินท์คอม เทคโนโลยี (VCOM) ผู้ดำเนินธุรกิจตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ สำหรับการใช้งานในระดับองค์กร เปิดเผยว่า หลังจากการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว บริษัทฯเตรียมนำเงินที่ได้จำนวน 230 ล้านบาท ไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ โดยเฉพาะการขยายงานขายโครงการใหญ่ทั้งในประเทศ และประเทศในกลุ่ม CLM อาทิ กัมพูชา ลาว และเมียนมาร์ ตามเป้าหมายที่บริษัทฯได้วางไว้ เพื่อสร้างการความเติบโตมั่นคงและยั่งยืนให้กับบริษัทฯ เพื่อก้าวสู่เป็นผู้นำทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ทั้งด้านการนำเสนอโซลูชั่น แบบครบวงจร ในเขตประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน
สำหรับภาพรวมแนวโน้มอุตสาหกรรมด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ในปี2561 นั้น มองว่า จากความต้องการใช้เทคโนโลยีในอุตสาหกรรมหลักต่างๆ ยังคงมีแนวโน้มอัตราเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการพัฒนาระบบเทคโนโลยีและสารสนเทศ ทั้งในระดับองค์กรขนาดใหญ่ทั้งหน่วยงานภาครัฐ และ เอกชน ซึ่งเป็นผลต่อเนื่องจากแผนนโยบาย Digital Economy Thailand 4.0 ที่แต่ละองค์กรต้องนำเอาเทคโนโลยีดังกล่าวมาประยุกต์ใช้ เพื่อให้เข้ากับกิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคม ที่จะมีผลต่อการพัฒนาประเทศในอนาคต
กรรมการผู้จัดการ บมจ.วินท์คอม เทคโนโลยี (VCOM) ยังได้กล่าวถึงภาพการขยายตัวทางธุรกิจของบริษัทฯ โดยตั้งเป้าว่า ภายในอีก 2-3ปีข้างหน้า VCOM จะมีอัตราการเติบโตแบบก้าวกระโดดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าสัดส่วนรายได้จากการให้บริการอยู่ที่ 50%จากปัจจุบันอยู่ที่ 25% เนื่องจากรายได้บริการ จากบริษัทวีเซิร์ฟพลัส จำกัด ที่ดำเนินธุรกิจให้บริการด้านไอที ไปจนถึงบริการ Call Center บริการหลังการขายผ่านศูนย์บริการทั่วประเทศ ซึ่งVCOM ถือหุ้น 51% มีมาร์จิ้น สูง ประมาณ 20-30% ขณะที่รายได้จากการจำหน่ายสินค้า มีมาร์จิ้น อยู่ที่ประมาณ 10%
ขณะที่สัดส่วนรายได้จากต่างประเทศ คาดว่าจะขยับแตะที่ระดับ 20-25% ในปี 2561 จากปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 10% ทั้งนี้เป็นผลจากการขยายงานขายในกลุ่มประเทศ CLM ซึ่งก่อนหน้านี้ได้รับงานจากธนาคารพาณิชย์เอกชนที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่ง (Private Commercial Bank) ของประเทศเมียนมาร์ เป็นผู้ดำเนินการในโครงการ "Core Banking and Internet Banking System Hardware and Software Upgrade and Migration" ซึ่งมีมูลค่าไทยราวกว่า 200 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทฯมีแผนเชิงกลยุทธ์ในการขยายตลาดในประเทศกัมพูชา เพิ่มขึ้น หลังจากมีนำสินค้าเข้าไปจำหน่าย ในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดี ประกอบกับความต้องการในประเทศดังกล่าวค่อนข้างสูง ซึ่งถือเป็นโอกาสที่ดีในการขยายธุรกิจ
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯมั่นใจในศักยภาพความแข็งแกร่งทางธุรกิจของVCOM ที่ยังคงเติบโตได้อย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นผลจากความโดดเด่นในการเป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT Distributor) และการให้บริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศที่เกี่ยวเนื่องกับผลิตภัณฑ์ที่เป็นตัวแทนจำหน่ายให้กับเจ้าของผลิตภัณฑ์ (Vendor) 7 รายใหญ่ระดับโลก บริษัทฯยังได้รับความไว้วางใจจากกลุ่มลูกค้าระดับต้นๆของประเทศ ประกอบด้วย ผู้รวบรวมระบบงาน (system integrators) และผู้ใช้งานทั่วไป (end users) ประเภทองค์กรขนาดกลาง และขนาดใหญ่ ทั้งภาครัฐและเอกชน ซึ่งจากคุณสมบัติดังกล่าว เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพและความเชื่อมั่นทางธุรกิจที่มั่นคงในอนาคต ขณะเดียวกันบริษัทฯพร้อมที่จะจ่ายเงินปันผล ตามนโยบายการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของกำไรสุทธิ อย่างแน่นอน