กรุงเทพฯ--28 ธ.ค.--ธามดี พลัส
บมจ. ซันสวีท หรือ SUN เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ เป็นวันแรก 28 ธันวาคม ส่งท้ายปี 2560 ย้ำนำเงินไปซื้อเครื่องจักรและพัฒนาระบบการผลิต พร้อมขยายกำลังการผลิตข้าวโพดหวานแช่แข็ง และมุ่งทำตลาดทั้งในและต่างประเทศ ด้านที่ปรึกษามั่นใจราคาหุ้นสะท้อนธุรกิจและผลประกอบการที่เติบโตต่อเนื่องจากธุรกิจข้าวโพดหวานแปรรูป และสินค้า READY TO EAT ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภค
ดร.องอาจ กิตติคุณชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ซันสวีท หรือ SUN ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ข้าวโพดหวาน ภายใต้ตราสินค้า "KC" เปิดเผยว่า การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ ในวันนี้ ถือว่าเป็นก้าวสำคัญของบริษัท ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจและความมุ่งมั่นของคณะผู้บริหารและทีมงานของบริษัทที่ต้องการสะท้อนโอกาสของธุรกิจเกษตรที่ยังสามารถเติบโตและได้รับการยอมรับหากมีการนำสินค้าเกษตรมาแปรรูปเพื่อให้สามารถเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคได้ ก็จะสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าเกษตรได้ อีกทั้งการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ากับยุคเกษตร 4.0 ก็จะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ผลผลิตทางการเกษตรของบริษัทมีมูลค่าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้ บริษัทจะนำไปซื้อและปรับปรุงเครื่องจักร เพื่อขยายกำลังการผลิตสินค้า โดยเฉพาะกำลังการผลิตข้าวโพดหวานแช่แข็ง ซึ่งปัจจุบันใช้กำลังการผลิตจนเต็มกำลังแล้ว นอกจากนี้จะเน้นการทำการตลาดทั้งในและต่างประเทศ เพื่อขยายฐานลูกค้าให้มากขึ้น รวมไปถึงการพัฒนาสินค้าในหมวด READY TO EAT เช่นข้าวโพดหวานต้ม/ปิ้งบรรจุถุงสุญญากาศที่จำหน่ายในร้านสะดวกซื้อ ให้มีความหลากหลายและเข้าถึงกลุ่มบริโภค
สำหรับผลประกอบการในปีนี้ คาดว่า บริษัทจะมีการเติบโตไม่ต่ำกว่า 10 % จากปีก่อนที่มีรายได้ 1,725.95 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 111.55 ล้านบาท โดยผลประกอบการช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้ 1,273.67 ล้านบาท และมีกำไร 111.49 ล้านบาท
นายสมภพ ศักดิ์พันธ์พนม ประธานกรรมการ บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ APM ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า SUN ถือว่าเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมข้าวโพดหวานส่งออกไปยังต่างประเทศ โดยมีสัดส่วนของมูลค่าการส่งออกถึง 17% ของตลาดข้าวโพดหวานส่งออกของไทย และไทยถือว่าเป็นประเทศที่ส่งออกข้าวโพดหวานเป็นอันดับ 1 ของโลก การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ จะช่วยให้ SUN มีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง อีกทั้งเพิ่มโอกาสทางธุรกิจทั้งในและต่างประเทศให้เป็นที่ยอมรับมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะทำให้สินค้าและตราสินค้าของบริษัทเป็นที่รู้จักและจดจำ จนทำให้บริษัทสามารถขยายตลาดและสร้างการเติบโตได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน