กรุงเทพฯ--29 ธ.ค.--ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป
บลจ.ทิสโก้ประกาศเพิ่มทุนกองทุน ทิสโก้หุ้นบิ๊ก (TISCOBIG) กองทุนหุ้นขนาดใหญ่- พื้นฐานแกร่ง ดักเม็ดเงินต่างชาติไหลเข้ามาลงทุนหลังการเมืองไทยเริ่มชัดเจน เศรษฐกิจโตดี
นายสาห์รัช ชัฎสุวรรณ ผู้อำนวยการสายการตลาด บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด (Mr. Saharat Chudsuwan, Head of Marketing and Wealth Advisory, Mutual & Private Fund Business, TISCO Asset Management Co., Ltd.) กล่าวว่า หลังจากเปิดเสนอขายหน่วยลงทุน กองทุนเปิด ทิสโก้หุ้นบิ๊ก (TISCOBIG) มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาทในเดือนพฤษภาคม 2560 ที่ผ่านมา ปรากฏว่าได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างมาก ณ วันที่ 27 ธันวาคม 2560 มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV) ประมาณ 721 ล้านบาท ซึ่งใกล้เต็มมูลค่าโครงการ ดังนั้น เพื่อรองรับความต้องการของผู้ลงทุน บลจ.ทิสโก้จึงได้ยื่นขอจดทะเบียนเพิ่มทุน TISCOBIG ต่อสำนักงาน ก.ล.ต. อีก 1,000 ล้านบาท ทำให้ TISCOBIG มีเงินทุนโครงการรวมทั้งสิ้น 2,000 ล้านบาท
"กองทุน TISCOBIG ได้รับความนิยมจากผู้ลงทุนอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะในช่วงนี้ที่นักลงทุนคาดว่าจะมีเม็ดเงินต่างชาติไหลเข้ามาลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่หลังการเมืองไทยเริ่มชัดเจน อีกทั้ง กองทุนนี้มีสัดส่วนการลงทุนอิงตามปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก โดยเน้นลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ (Blue Chip) ที่มั่นคง และเป็นผู้นำอุตสาหกรรม (Industry Leader) ซึ่งเราประเมินว่าหุ้นขนาดใหญ่จะได้ประโยชน์ตามการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ที่จะเกิดขึ้นในปี 2561 และ การบริโภคในประเทศที่จะยังขยายตัวดี ดังนั้นการลงทุนในกองทุน TISCOBIG จึงยังคงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ" นายสาห์รัช กล่าว
นอกจากปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่งขึ้นแล้ว ในปี 2561 มีโอกาสที่นักลงทุนต่างชาติจะกลับมาเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นไทยเนื่องจากการเลือกตั้งที่มีความชัดเจนมากขึ้นซึ่งจะเป็นผลดีต่อหุ้น Blue Chip หรือหุ้นขนาดใหญ่ที่มีสภาพคล่องสูง หลังจากที่ตั้งแต่ปี 2556 นักลงทุนต่างประเทศมีสถานะขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยร่วม 3 แสนล้านบาท
กองทุนเปิด ทิสโก้หุ้นบิ๊ก จะเน้นลงทุนในหุ้นของบริษัทจดทะเบียนในดัชนี SET50 ที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Capitalization) สูงสุด 20 อันดับแรก ซึ่งถือเป็นหุ้นพื้นฐานแกร่ง และมักเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม โดยผู้จัดการกองทุนจะให้น้ำหนักการลงทุนอิงตาม Valuation ของหุ้นแต่ละบริษัท และมีการปรับน้ำหนัก (Re-Balance) ตาม Valuation ที่เปลี่ยนแปลงไปในทุกๆ ไตรมาส ทั้งนี้เพื่อมุ่งหวังให้ผลประกอบการสูงกว่าดัชนีชี้วัด (Active Management) จากข้อมูล ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2560 กองทุนมีอัตราผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือน 6 เดือน และตั้งแต่จัดตั้งกองทุนอยู่ที่ 5.49% 10.72% และ 9.47% ขณะที่ดัชนีผลตอบแทนรวม SET50 ซึ่งเป็นดัชนีชี้วัดอยู่ที่ 5.23% 11.32% และ 10.61% ตามลำดับ ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวม มิใช่สิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต ผู้สนใจลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่ บลจ. ทิสโก้ หรือ ธนาคารทิสโก้ทุกสาขา หรือ TISCO Contact Center โทร. 02-633-6000 กด 4