กรุงเทพฯ--18 ต.ค.--กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ
นายวินิจฉัย แจ่มแจ้ง รองอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยถึงการเจรจาความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน-ญี่ปุ่น ครั้งที่ 10 เมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมาว่า การเจรจาครั้งนี้มีเป้าหมายให้การเจรจาทั้งหมดสามารถสรุปผลได้ เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายสามารถลงนามความตกลงฯ ในระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียนที่กำลังจะมีขึ้นในเดือนพฤศจิกายน 2550 นี้ แต่หลังการเจรจาทั้งสองฝ่ายยอมรับว่าไม่สามารถสรุปผลการเจรจาให้ทันเป้าหมายการลงนามได้ จึงตกลงให้มีการเจรจาต่อไปอีกเป็นรอบที่ 11 ระหว่างวันที่ 3-6 พฤศจิกายนศกนี้ เพื่อสรุปการเจรจาทั้งหมด ให้ผู้นำแถลงการณ์ผลของการเจรจาดังกล่าวในการประชุมสุดยอดอาเซียนในเดือนพฤศจิกายนเช่นกัน
“ขณะนี้อาเซียนและญี่ปุ่นสามารถสรุปผลการลด/ยกเลิกภาษีสินค้าแล้ว ส่วนการค้าบริการและการลงทุน ได้มีการตกลงในกรอบกว้างๆ โดยจะยังไม่มีการเปิดเสรี ทั้งนี้ทั้งสองฝ่ายจะมีการเจรจากันต่อไปอีก ประเด็นสำคัญที่ไม่สามารถตกลงกันได้ อาทิเช่น มาตรการปกป้องและกฎแหล่งกำเนิดสินค้า โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าที่เป็นผลประโยชน์และสินค้าอ่อนไหวของทั้งสองฝ่าย ได้แก่ สินค้าเกษตร รองเท้า เครื่องหนัง สิ่งทอ ยานยนต์และชิ้นส่วน เหล็ก และเคมีภัณฑ์” นายวินิจฉัยกล่าว
ความตกลงการค้าเสรีของกลุ่มนี้จะก่อให้เกิดเขตการค้าเสรีขนาดใหญ่ ที่มีมูลค่าการค้าระหว่างกันสูงถึง 152,203 ล้านเหรียญสหรัฐ และเกิดเครือข่ายการผลิตขนาดใหญ่ที่มีแหล่งวัตถุดิบร่วมกัน อันจะนำมาซึ่งผลประโยชน์ของทั้งสองฝ่ายทั้งในด้านการค้าและการลงทุน นอกจากนี้ไทยและอาเซียนจะได้ประโยชน์จากความร่วมมือ ในสาขาต่างๆ จำนวนไม่ต่ำกว่า 14 สาขา เช่น ขบวนการที่เกี่ยวข้องกับการค้า สภาพแวดล้อมทางธุรกิจ พลังงาน สารสนเทศและการสื่อสาร และการพัฒนาทรัพยากรบุคคล เป็นต้น