กรุงเทพฯ--3 ม.ค.--สปาร์ค คอมมิวนิเคชั่นส์
บริษัท เนชั่นแนล เฮลท์แคร์ ซิสเท็มส์ จำกัด หรือ N Health ผู้เชี่ยวชาญในการบริการด้านการสนับสนุนบริการทางการแพทย์และธุรกิจโรงพยาบาล ในเครือ บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด หรือ BDMS ขยายการให้บริการวิเคราะห์ทางการแพทย์ด้วยวิธีการตรวจที่หลากหลาย นำเครื่องตรวจวิเคราะห์ทางการแพทย์ระบบอัตโนมัติที่มีประสิทธิภาพสูง และรุกตลาดอีคอมเมิรซ์ด้านสุขภาพ เพื่อก้าวสู่ศูนย์ความเป็นเลิศระบบห้องปฏิบัติการวิจัยทางการแพทย์ครบวงจร
นายณรงค์ฤทธิ์ กาละพุฒ ประธานคณะผู้บริหารกลุ่มธุรกิจสนับสนุนโรงพยาบาล บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) (BDMS) และกรรมการผู้จัดการ บริษัท เนชั่นแนล เฮลท์แคร์ ซิสเท็มส์ จำกัด (N Health) ผู้ให้บริการด้านการสนับสนุนทางการแพทย์และธุรกิจโรงพยาบาล เปิดเผยว่า ธุรกิจด้านสุขภาพตลอดช่วงปีที่ผ่านมาตกลงทั้งเซ็กเตอร์ จากการที่ลูกค้าในกลุ่มชาวต่างชาติลดลง แต่ธุรกิจสนับสนุนโรงพยาบาล ในกลุ่มห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ยังคงมีมูลค่าที่ 9.96 พันล้านบาท โดย N Health มีส่วนแบ่งการตลาดที่ 20%
ในปีนี้คาดการณ์ว่าภาพรวมธุรกิจห้องปฏิบัติการทางการแพทย์จะขยายตัวเพิ่มขึ้น 4 % เนื่องจากผู้บริโภคเริ่มหันมาดูแลสุขภาพก่อนเจ็บป่วย ด้วยการตรวจวิเคราะห์ผ่านระบบห้องปฏิบัติการมากขึ้น ซึ่งจากการขยายตัวดังกล่าวทำให้ N Health เตรียมพัฒนาศักยภาพห้องปฏิบัติการอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เป็นศูนย์ความเป็นเลิศระบบห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ครบวงจร
ทั้งนี้ N Health เตรียมปรับห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ให้เป็นแบบเฉพาะด้าน ทำให้สามารถตรวจวิเคราะห์ได้อย่างครอบคลุม โดยได้ขยายวิธีการตรวจวิเคราะห์โรคใหม่ๆ อย่าง การตรวจคัดกรองโรคทางพันธุกรรม เช่น โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง SMA และ การตรวจความบกพร่องทางพัฒนาการ (เช่น Fragile X Syndrome) การตรวจการกลายพันธ์ของยีนส์ที่เกี่ยวข้องกับมะเร็งเพื่อรักษาแบบมุ่งเป้า (NGS) การวินิจฉัยมะเร็งเซลล์ตับ (PIVKA) นอกจากนี้ ได้วางระบบเชื่อมห้องปฏิบ้ติการต่างๆ ด้วยระบบอัตโนมัติ ในห้องปฏิบัติการ Clinical Laboratories และ BioMolecular Laboratories ซึ่งจะช่วยเพิ่มความแม่นยำในการตรวจวิเคราะห์ได้มากขึ้น
ขณะที่ห้องปฏิบัติการ Wellness Laboratories ได้ลงทุนเพิ่มเครื่องมือ Gas Chromatograph-Mass Spectrometer (GCMS) มาติดตั้งเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงสำหรับแยกและวิเคราะห์หาชนิดและปริมาณสารในสภาวะแก๊ส และเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสูงในการวิเคราะห์หาสารระเหยอินทรีย์และสารเคมีอันตรายที่ตกค้างในร่างกาย สามารถใช้วิเคราะห์เชิงคุณภาพและมีความแม่นยำสูง โดยเน้นให้บริการตรวจสุขภาพสำหรับผู้ที่มีโอกาสสัมผัสสารอันตรายที่หลีกเลี่ยงไม่ได้และเกิดขึ้นในระหว่างการทำงาน โดยเน้นเจาะกลุ่มโรงพยาบาลในพื้นที่โรงงานหรือนิคมอุตสาหกรรมเป็นหลัก
กรรมการผู้จัดการ บริษัท N Health กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันบริษัทมีกลุ่มลูกค้าที่เป็น B2B ในสัดส่วน 95% และมุ่งหวังลูกค้า B2C จาก 5% เพิ่มเป็น 25%" ในปีนี้ ด้วยการขายแพ็คเกจตรวจสุขภาพทางอีคอมเมิร์ซผ่านเว็บไซต์ https://Nhealth.Nspace.com ที่สามารถเลือกแพ็คเกจ และนัดหมายได้ด้วยตนเอง โดยจากแผนดังกล่าวเชื่อว่าจะทำให้บริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้น 10% จากปีที่ผ่านมา
สำหรับการผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์นานาชาติครบวงจร หรือ เมดิคัลฮับ มีส่วนช่วยให้บริษัทเป็นที่ยอมรับมากขึ้น เนื่องจากเราเป็นห้องปฏิบัติการเอกชนที่มีบุคลากร เทคโนโลยี และวิทยาการทางการแพทย์ที่สามารถรองรับการตรวจวิเคราะห์โรคต่างๆได้มากที่สุดทั้งจากโรงพยาบาล คลินิก และบุคคลทั่วไป โดยบริษัท ยังรณรงค์ให้ผู้คนหันมาให้ความสนใจเรื่องการป้องกันและการดูแลสุขภาพก่อนที่จะมีการเจ็บป่วย รวมถึงรักษาสภาพจิตใจให้สมบูรณ์