พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ เผยพระอัจฉริยภาพด้านศิลปะและผลงานที่จะโชว์ในปารีสแฟชั่นวีค

ข่าวทั่วไป Wednesday September 12, 2007 14:48 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--12 ก.ย.--เจเอสแอล
พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ เสด็จเป็นการส่วนพระองค์มายัง สตูดิโอ บริษัท เจ เอส แอล ลาดพร้าว 107 เพื่อบันทึกเทปรายการ “สุริวิภา” ทรงประทานสัมภาษณ์ถึงความสนพระทัยด้านงานศิลปะและการออกแบบ โดยทรงนำผลงานศิลปะและของสะสมด้านงานแฟชั่นมาให้ชมในรายการ รวมถึงประทานสัมภาษณ์ถึงการที่พระองค์ทรงเป็นคนไทยคนแรกที่ได้รับกราบทูลเชิญจากห้องเสื้อบัลแมง ให้ไปร่วมแสดงผลงานแฟชั่นโชว์เสื้อผ้าประจำฤดูใบไม้ผลิ/ฤดูร้อน 2008 ในงาน ปารีส แฟชั่น วีค 2007 โดยมี สุริวิภา กุลตังวัฒนา เป็นผู้ดำเนินรายการ
“ท่านหญิงสนใจเรื่องการวาดรูปตั้งแต่ยังเล็กแล้ว ฝึกวาดลายเส้น ฝึกการใช้สี วาดสัญลักษณ์ต่างๆรอบๆตัว ลองผิดลองถูกและพยายามพัฒนาด้วยตัวเองมาตลอด แต่เรื่องแฟชั่นเสื้อผ้าแปลกมากที่เพิ่งมาสนใจจริงๆจังๆ ตอนเข้าปี 1 จุฬา ด้วยความที่ปิดกั้นตัวเองบอกตัวเองว่าจะไม่สนใจแฟชั่นนะ เพราะแต่งตัวเองยังแต่งไม่เป็นเลย แต่ตอนปีหนึ่งต้องทำงานคอลเล็คชั่น Red Hobby ก็คิดว่าเป็นแค่งานอดิเรก แต่อาจารย์คณะและ ดีไซเนอร์หลายคนบอกว่ามีแววมาทางนี้ น่าจะทรงไปทางนี้นะ ความจริงใจเรียกร้องมากตั้งแต่ตอน ม.5-ม.6 ที่ตัดสินใจจะเลือกเข้าคณะอะไรดี รู้เพียงชอบเรียน จนกลับจากมิลานจึงเริ่มชอบแฟชั่นมากขึ้น หลังจากให้เวลาตัวเองทบทวนอยู่หลายเรื่อง เพราะรู้ว่าชอบวาดรูปชอบงานศิลปะและชอบสีมาก แล้วงานศิลปะที่ชอบก็ออกมาทางดีไซน์”
พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ทรงนำผลงานภาพฝีพระหัตถ์มาจัดแสดงให้ชมใน รายการด้วย มีทั้งที่เป็นผลงานเมื่อทรงพระเยาว์ ก่อนเข้ามหาวิทยาลัย มาจนถึงช่วงปัจจุบันที่เพิ่งเสร็จ
“ตอนนี้เวลาไปไหนจะมีสมุดสเก็ตซ์ภาพพกติดตัวไปด้วย จะวาดภาพตามอารมณ์ความรู้สึกบวกกับสัญลักษณ์ที่มีความหมายนั้นๆ เช่น ดอกไม้ หัวใจ นก เน้นเส้น เน้นการใช้สี แรกๆจะหาภาพที่สร้างแรงบันดาลใจมาแปะไว้ด้วย วาดกล้ามเนื้อมนุษย์เส้นเลือด บางภาพก็ต้องค้นคว้าจากหนังสือเพิ่ม ในเล่มนี้จะมีภาพที่เน้นการใช้สีมาก เหมือนเวลาทำคอลลเล็คชั่นแฟชั่นก็จะทำวิจัยเรื่องสีก่อนจึงเริ่มงานดีไซน์ เวลาภาพใช้เวลาวาดถ้าอย่างเก่ง 20 นาที อย่างไม่เก่ง 3 ชั่วโมงหรือ 2 วัน ซึ่งส่วนหนึ่งความคิดสร้างสรรค์จะได้มาจากการอ่านหนังสือ และการดูหนัง โดยเฉพาะเรื่องที่สะเทือนอารมณ์มากๆ ก็จะตีความต่อแล้วนำมาวาด”
นอกจากนั้น ยังนำของสะสมส่วนพระองค์ด้านงานแฟชั่น คือ บัตรเชิญร่วมงานแฟชั่น ที่มีรูปแบบ แตกต่างกันไปมาให้ชมด้วย “การ์ดเชิญของดีไซเนอร์แต่ละคนจะบอกรายละเอียดและแนวคิดหลักของงาน คอลเล็คชั่นนั้นๆ บางแบรนด์ไม่ยอมบอกสถานที่จัดงานให้ตีความจากรายละเอียดที่ให้เอง เขาจะแข่งขันกัน ออกแบบการ์ด บางอันไม่ใช้กระดาษเลย ใช้ผ้าพันคอชีฟองแทน บางการ์ดทำด้วยหนัง ทำจากสายไฟ แต่ละงานจะเข้ายากมากและจำกัดคน ก็ต้องจัดสรรคนที่จะไปด้วย เพราะเขาไม่ให้คนอื่นเข้าแทนคนที่ได้รับเชิญเลย ตอนหลังท่านหญิงก็ทำการ์ดเชิญส่วนตัว เวลานัดประชุม นัดไปเที่ยว หรือนัดทานข้าวกันกับทีมงาน เพราะเราทำงานกันเป็นทีมไปไหนไปกัน คืออยากหาอะไรสนุกๆให้ทีมงานได้มีปฏิสัมพันธ์กัน เหมือนเมื่อต้นปีไม่แจกการ์ดงานคอลเล็คชั่น แจกเป็นไบเบิลแทน ก็จะหาธีมในแต่ละงาน แล้วทำการ์ดมีอะไรตื่นเต้นสนุกขึ้นเรื่อยๆ”
จากการศึกษาศิลปะด้วยพระองค์เอง การได้ทอดพระเนตรผลงานของดีไซเนอร์ระดับโลก เช่น อาร์มานี่ ได้เสด็จเยือนห้องเสื้อ ปีแอร์ บัลแมง การมีผลงานแฟชั่นส่วนพระองค์จัดแสดง จนในที่สุดได้รับการทูลเชิญจาก นาย ALAIN HIVELIN: CEO ของห้องเสื้อ ปีแอร์ บัลแมง ให้ร่วมแสดงผลงานในงาน ปารีส แฟชั่น วีค 2007
“ตอนนั้นจัดงานแฟชั่นแสดงหน้าพระที่นั่งที่สกลนคร ซึ่ง ALAIN HIVELIN จากห้องเสื้อปีแอร์ บัลแมง ได้มาดูด้วย ต่อมาเขาก็มาทูลเชิญให้ไปร่วมแสดงที่ปารีสแฟชั่นวีค ตอนนั้นรู้สึกเหมือนฝัน อึ้งไปเลย เพราะก่อนนั้นเคยมีสื่อมวลชนต่างประเทศถามถึงอยากไปแสดงในแฟชั่นวีคไหม เคยตอบไปว่า คิดว่าเป็นสิ่งที่เอื้อมไม่ถึง เพราะมีแต่คนเก่งและคนที่อยู่ในวงการแฟชั่นมานานเท่านั้นที่จะไปถึงจุดนั้นได้ แล้วใจก็อยากให้ ดีไซเนอร์ไทยคนอื่นได้ไปมากกว่า พาเขาเชิญจึงดีใจมากและรู้สึกเป็นเกียรติที่เด็กอายุ 19 จะได้ไปเวทีนั้น แต่ในฐานะลูกขอปรึกษาทูลกระหม่อมพ่อก่อน ก็โทรไปกราบบังคมทูล พระองค์ท่านทรงยินดีด้วย บอกแล้วค่อยกลับมาคุยรายละเอียดกันที่กรุงเทพฯ หลังจากนั้นภาพที่ประทับใจมากๆในฐานะลูก คือ พอกลับถึงโรงแรม มีดอกไม้ส่งมาเพรียบเลย จากทั้งทูลกระหม่อมพ่อ เสด็จพระองค์หญิง พระองค์ภา และน้องชาย จึงเป็นความ รู้สึกที่ได้มากกว่าความตื้นตัน โทรไปกราบพระบาทเป็นพระมหากรุณาธิคุณต่อลูกมาก แต่พอหลังจากดีใจและโทรไปบอกทีมงานทุกคนแล้วนั่งลงพัก ก็เริ่มเครียดเลย คิดเลยว่าทั่วโลกจะจับตามองเราถ้าทำได้ไม่ดีเราแย่แน่ หนักใจมากเพราะถือเป็นดีไซเนอร์ไทยคนแรกที่ได้ไปปารีสแฟชั่นวีค”
“ท่านหญิงเริ่มเตรียมงานจริงๆจังๆเมื่อเดือนมกราคมปีนี้ หลังจากรวบรวมรายละเอียดและวิจัย ก็ทำ ไบเบิลให้ทีมงาน 1 เล่มเรื่อง เป็นคู้มือด้านแนวคิดหลักและการใช้สี ท่านหญิงมั่นใจว่าเรามีทีมงานที่เก่ง มีความเชื่อมั่นรู้ว่าตัวเองเก่งอะไรด้านไหน ก็คิดว่าต้องทำอะไรให้ฝรั่งประทับใจและเข้าใจง่าย โดยการทำคอลเล็คชั่นไทยผ่านมุมมองฝรั่ง แล้วเลือกใช้ของเด่นๆในบ้านเราซึ่งมีวัถุดิบที่ดีมากๆ และสวยไม่แพ้บ้านอื่น คือ ไหมไทย จากศูนย์ศิลปาชีพของสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ โดยเลือกสีก่อนแล้วเลือกลายผ้าและวัตถุดิบอย่างอื่น มีการทำวิจัยและได้รับแรงบันดาลใจจากแบบเสื้อผ้าชุดไทยโบราณ นำมาเลือกประยุกต์คิดลายใหม่แล้วให้ช่างไทยทำ ทั้งวิทยาลัยในวังชายวังหญิง แล้วคิดทำกราฟฟิคไทยใหม่ที่ทันสมัยขึ้น คิดลายผ้าไหมให้ดีไซเนอร์อื่นมาต่อลายได้ เราจะไม่เพียงโชว์ความเป็นไทยเท่านั้นแต่มีความทันสมัยร่วมอยู่ด้วย อย่างท่านหญิงชอบแบบฟังก์กี้ๆ และร็อคนิดๆ ในคอลเล็คชั่นนี้จะได้เห็นโจงกระเบนไทยที่ทันสมัยจนคาดไม่ถึง”
ซึ่งก่อนที่ชาวฝรั่งเศสจะได้เห็นผลงานคอลเล็คชั่นนี้ คนไทยจะมีโอกาสได้เห็น 3 ชุด ในวันที่ 13 กันยายน นี้ในงานแถลงข่าว และในงานแอลแฟชั่นวีคตามลำดับ ส่วนเดือนพฤศจิกายนจะมีงานนิทรรศการเปิดเผยเบื้องหน้าและเบื้องหลังการทำงานตลอดคอลเล็คชั่นนี้ให้ได้ชม
ส่วนผลงานที่พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ทรงเตรียมไปจัดแสดง ในงานปารีส แฟชั่น วีค 2007 นั้น ทรงรับสั่งว่า “ในส่วนของเสื้อผ้า วัสดุที่ใช้ เน้นผ้าไหมของศูนย์ศิลปาชีพ โดยใช้ผ้าฝรั่งมาเสริมด้วย เช่น ผ้าบุหงา ชีฟอง ผ้าเครป เพื่อส่งให้ผ้าไหมมีชีวิตมากขึ้น ไม่แข็งเกินไป มีความพริ้วไหว เบาสบายมากขึ้น มีลายปักที่คิดขึ้นใหม่ ปักทั้งดิ้นเงินดิ้นทอง ปักลูกปัด ปักเส้นด้าย ปักไหมพรม โดยคิดลายกราฟฟิคใหม่ๆให้วิทยาลัยในวังหญิงปักด้วยเทคนิคโบราณ ส่วนเสื้อผ้าชาย ก็มีการปักไหมพรมที่ไม่ได้อิงแบบผู้หญิง แต่สิ่งที่น่าตื่นเต้นยิ่งขึ้นในคอลเล็คชั่นนี้ คือ กระเป๋ากับรองเท้า ที่ได้แรงบันดาลใจ มาจากกระดุมเพียงเม็ดเดียว แล้วมาแตกขยายผลเป็นงานทั้งคอลเล็คชั่น กระดุมเม็ดที่แพงแสนแพงนี้ไปเจอตอนเลือกหาผ้า เป็นกระดุมอะครีลิคฝังด้วยเศษวัสดุเงิน เราเลยประยุกต์หล่ออะครีลิคใส่เศษวัสดุที่เหลือจากงานฝีมือของช่างเงิน ช่างทองลงไป ขึ้นรูปทรงกลายเป็น ส้นรองเท้าที่แปลกตาออกไป แถมยังสูงมาก สูงถึง 5 นิ้วครึ่ง แต่นางแบบลองแล้วรอดชีวิตทุกคน ส่วน กระเป๋า ของสุภาพสตรี ก็สวยมาก เป็นอะครีลิคเหมือนกัน มีรูปนกยูง บางใบใช้วัสดุปีกแมงทับ ส่วนเครื่องประดับก็ได้แรงบันดาลใจจากธรรมชาติ จากเครื่องราชอิสริยาภรณ์แต่ทำให้โค้งมนขึ้น เน้นตุ้มหูให้มีความยาวมากขึ้น สามารถใส่ได้ทั้งวัน กำไลสวยมากมีรูปทรงแปลกๆที่สามารถสวมกับเสื้อผ้าเรียบๆ ได้ กระเป๋าผู้ชายก็จะใหญ่ขึ้นมีสีสันมากขึ้น ทั้งหมดทุกอย่างออกแบบด้วยตัวเอง งานทุกอย่างเป็นคนวางโครงเองทั้งหมด ทั้งเรื่องการเลือกเพลงเดินแฟชั่น แม้กระทั่ง การแต่งหน้า การทำผม ซึ่งผมก็ออกแบบเป็นกระจังผมเปียมัดหางม้าได้จากรูปหญิงไทยที่สวมมงกุฎไทย แต่เน้นให้มีความเป็นธรรมชาติและคล่องตัว หน้าก็ได้จากภาพวาดไทย มีการใช้อายไลน์เนอร์สีแดง เรามีทีมงานไทยกว่า 30 ชีวิต และทีมงานต่างประเทศอีก 10 กว่าคนก็ช่วยกันตลอด”
“ท่านหญิงอยากให้โปรเพสชั่นแนลด้านแฟชั่นได้หันมามองว่า ไทยเรามีเพชรเม็ดงาม เรามีคนเก่งค่อนข้างเยอะ วัตถุดิบที่สวยงาม วัฒนธรรมอันงดงาม มีประวัติศาสตร์ที่น่าภาคภูมิใจไม่แพ้ประเทศใด มีโลกแห่งความสวยงามทางด้านศิลปะ อยากให้เขาได้เข้ามาทำให้ธุรกิจแฟชั่นไทยได้ก้าวหน้าต่อไป ให้คนไทยได้มีโอกาสไปยืนในปารีสแฟชั่นวีคอีก จะภูมิใจมากไม่ว่าคนไทยคนที่สองจะเป็นใครก็ตาม ในคอลเล็คชั่นนี้จึงถือเป็นการเปิดศักราชใหม่ให้กับดีไซเนอร์ไทย ก็ค่อนข้างมั่นใจ และมีกำลังใจดีจากทูลกระหม่อมพ่อ ทีมงาน และเพื่อนๆ แล้วก็เตรียมใจแล้วเพราะรู้ว่าสื่อที่โน่นค่อนข้างแรง ก็ต้องไม่คิดมากและจะต้องผ่านให้ได้ ”
ร่วมชื่นชมพระอัจฉริยะภาพ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ได้ใน รายการ “สุริวิภา” วันพุธที่ 19 กันยายน เวลาสี่ทุ่มตรงทาง โมเดิร์นไนน์ทีวี
ฝ่ายประชาสัมพันธ์
ต้องการข้อมูลในรายการเพิ่มเติมติดต่อ วิรดา อนุเทียนชัย (วิ) 08 — 1804 - 5493

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ