กรุงเทพฯ--4 ม.ค.--โฟว์ดี คอมมิวนิเคชั่น
นางสาวดุษฎี ตันเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) หรือ MK เปิดเผยถึงภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของไทยว่า ตลอดปีที่ผ่านมา ตลาดอสังหาฯ ไทยมีแนวโน้มที่ดีขึ้น แม้ว่าในช่วงต้นปีจะมีบางช่วงที่ชะลอตัวบ้าง เนื่องจากผู้ประกอบการมุ่งเน้นระบายสต็อกที่มีอยู่เดิมมากกว่าการเปิดโครงการใหม่ ตลาดโดยรวมจึงอาจจะยังไม่คึกคักมากนัก อย่างไรก็ตาม ในช่วงครึ่งปีหลังสถานการณ์ตลาดอสังหาฯ เริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้น ทั้งจากการลงทุนด้านคมนาคมและโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาลที่มีมติให้เริ่มการดำเนินงานอย่างชัดเจน อาทิ โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วง แคราย-มีนบุรี, สายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง และสายสีม่วงช่วง เตาปูน-ราษฎร์บูรณะ รวมถึงสถานการณ์ทางการเมืองที่ทางรัฐบาลได้ประกาศว่าจะจัดการเลือกตั้งขึ้นภายในปี 2561 ทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นและกล้าตัดสินใจที่จะลงทุนเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้จากการประเมินสถานการณ์ของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) คาดการณ์ว่า ในปี 2560 จะมีการเปิดขายที่อยู่อาศัยใหม่อยู่ระหว่าง 97,200 – 113,000 หน่วย ซึ่งได้แบ่งการประเมิน 3 ระดับ คือ ระดับสภาพตลาดน้อยที่สุด จะมีจำนวนเปิดใหม่ 97,200 หน่วย เติบโตจากปี 2559 ที่ 0.7%, ระดับกลาง จะมีจำนวนเปิดใหม่ 103,000 หน่วย เติบโตจากปี 2559 ที่ 6.7% และระดับตลาดดีที่สุด จะมีจำนวนเปิดใหม่ 113,000 หน่วย เติบโตจากปี 2559 ถึง 17.1% ซึ่งระบุได้ว่า ตลาดอสังหาฯ ยังมีอัตราการเติบโตอยู่
"การเดินทางที่สะดวกสบายมีผลอย่างยิ่งต่อการตัดสินใจเลือกซื้อที่อยู่ของผู้บริโภค โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเปิดใช้บริการของโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-เตาปูน ในระยะแรกอาจจะไม่คึกคักอย่างที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากการเดินทางไม่เชื่อมต่อกันตลอดทั้งเส้นทาง แต่หลังจากมีการเชื่อมต่อสถานี เตาปูน-บางซื่อ เรียบร้อยแล้วน่าจะกลับมาคึกคักอย่างเห็นได้ชัด โดยมีผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นกว่า 50% ซึ่งจะส่งผลให้การตัดสินใจเลือกซื้อที่อยู่อาศัยของผู้บริโภคกลับมาคึกคักด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ มั่นคงเคหะการก็มีโครงการรองรับผู้บริโภคในทำเลดังกล่าวถึง 3 โครงการ ได้แก่ โครงการชวนชื่น ทาวน์ กาญจนา-บางใหญ่ , ชวนชื่น พาร์ค กาญจนา-บางใหญ่ และ โครงการชวนชื่น ทาวน์ แก้วอินทร์-บางใหญ่ ซึ่งการพัฒนาโครงการของมั่นคงฯ จะเน้นที่ผู้อยู่อาศัยเป็นหลัก ให้ความคุ้มค่ากับผู้บริโภคสูงสุด โดยใช้แนวทางการก่อสร้างเสร็จพร้อมขาย เพื่อให้ผู้บริโภคตัดสินใจในการซื้อได้ง่ายยิ่งขึ้น และถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก" นางสาวดุษฎี ตันเจริญ กล่าว
นอกจากนี้ ยังรวมไปถึงความคืบหน้าที่ชัดเจนของรัฐบาลเกี่ยวกับโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC) สำหรับรองรับการลงทุนในด้านอุตสาหกรรม ส่งผลให้เศรษฐกิจมีการเติบโตขึ้นและส่งผลดีต่อการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์โดยรวม ซึ่งมั่นคงเคหะการมีการพัฒนาโครงการรองรับในการขยายตัวของเศรษฐกิจบริเวณโซนบางนาทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และล่าสุดได้เปิดตัวโครงการชวนชื่นไพร์ม บางนา เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งได้รับผลตอบรับที่ดีมาก สามารถสร้างยอดขายไปแล้วกว่า 80% ในเฟสแรก และโครงการก่อสร้างของภาครัฐอื่นๆ อาทิ โครงการก่อสร้างถนนเส้นใหม่ ทางหลวงหมายเลข 346 (ปทุมธานี) ที่ช่วยเพิ่มศักยภาพของการพัฒนาโครงการของมั่นคงเคหะการ รวมทั้งยังเป็นทำเลที่มีความเชี่ยวชาญ ทั้งโครงการชวนชื่นไพร์ม กรุงเทพ-ปทุมธานี และโครงการสนามกอล์ฟ ซึ่งได้มีการรีโนเวทให้ครบครันยิ่งขึ้น คาดว่าจะเผยโฉมให้ได้ชมในช่วงไตรมาสแรกของปี 2561
สำหรับภาพรวมตลาดอสังหาฯ ไทยในปี 2561 คาดว่าจะมีแนวโน้มที่ดีต่อเนื่องจากไตรมาสที่ 3 และ 4 ของปี 2560 ทั้งจากการลงทุนด้านคมนาคมของภาครัฐ การผลิตและการใช้จ่ายของภาครัฐที่ขยายตัวมากขึ้น รวมถึงการส่งออกของไทยมีแนวโน้มที่ดีขึ้น ตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีทิศทางที่ดีขึ้น ซึ่งจะส่งผลทำให้ผู้ซื้อมีความมั่นใจในการจับจ่ายมากยิ่งขึ้นด้วย สอดคล้องกับการประมาณสถานการณ์ตลาดอสังหาฯ ไทยในปี 2561 ของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ที่ประเมินว่าตลาดอสังหาฯ จะเติบโตประมาณ 6-8% เพิ่มขึ้นจากปี 2560 ที่เติบโตประมาณ 2-3% โดยปัจจัยต่างๆ นั้น ยังจะทำให้สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยเติบเพิ่มขึ้นด้วย โดยคาดการณ์ว่าในปี 2561 จะสามารถปล่อยสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยใหม่ได้ไม่ต่ำกว่า 600,000 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตที่ 3-4%