กรุงเทพฯ--29 ต.ค.--คอร์ แอนด์ พีค
นายทวีศักดิ์ แสงทอง ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์
ในสภาวการณ์ที่ข้อมูลกำลังเพิ่มจำนวนอย่างมากขณะที่ระบบและการจัดการไม่มีประสิทธิภาพกำลังส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างเห็นได้ชัด บริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ ได้พิจารณาแล้วว่าองค์กรธุรกิจสามารถลดการปล่อยคาร์บอนและการใช้ไฟฟ้าได้ด้วยการใช้ศูนย์ข้อมูลของพวกเขาให้เหมาะสม และปรับปรุงวิธีการจัดซื้อให้ ดีขึ้น
เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา การตื่นตัวของสาธารณชนในเรื่องสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไปยังถือว่าน้อยมาก แม้แต่นักการเมืองและกลุ่มรณรงค์ทั้งหลายจะอภิปรายในเรื่องภาวะโลกร้อนมากขึ้น แต่ดูเหมือนว่าในโลกธุรกิจและสังคมในวงกว้างกลับมองว่าสิ่งนี้เป็นภัยคุกคามเร่งด่วน
สาเหตุที่ทำให้เกิดการตื่นตัวเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากการละลายของน้ำแข็งจากขั้วโลกและพื้นที่ทะเลสาบลดลง แสดงให้เห็นถึงผลกระทบที่แท้จริงจากกิจกรรมที่เรากระทำต่อสิ่งแวดล้อม ผู้คนมากขึ้นเรื่อยๆ กำลังกังวลกับอนาคตของโลกและการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศได้กลายเป็นเรื่องสำคัญที่สร้างความตระหนกให้กับรัฐบาล อุตสาหกรรม และชุมชนต่างๆ ทั่วโลก
ในเวลาเดียวกัน มีกฎระเบียบใหม่ๆ เกิดขึ้น รวมทั้งความกังวลของสาธารณชนที่เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้องค์กรต่างๆ กำลังเผชิญความเสี่ยงที่จะถูกฟ้องร้องและอาจทำให้ชื่อเสียงของพวกเขาเสียหายถ้าไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อม ยกตัวอย่างในสิงคโปร์ ได้มีการสร้างข้อบังคับควบคุมอาคารที่กำหนดว่าผนังด้านนอกของอาคารการค้าทั้งหมดที่ใช้เครื่องปรับอากาศจะต้องออกแบบให้ค่าการถ่ายเทความร้อนรวมไม่เกินกับค่าที่ข้อบังคับกำหนดไว้ นอกจากนี้ ยังมีมาตรการจูงใจด้านภาษีเพื่อสนับสนุนให้เจ้าของอาคารอุตสาหกรรม พาณิชย์และการค้า ใช้เทคโนโลยีและอุปกรณ์ประหยัดพลังงาน ตลอดจนอุปกรณ์ที่ควบคุมมลพิษได้อย่างมีประสิทธิภาพสูง
ศูนย์ข้อมูลและสิ่งแวดล้อม
ขณะที่ทุกคนกำลังช่วยกันลดการปล่อยคาร์บอนและการใช้พลังงาน ธุรกิจและอุตสาหกรรมกลับเป็นตัวการใหญ่ที่สร้างปัญหานี้ เนื่องจากศูนย์ข้อมูลขององค์กรมักจะใช้พลังงานอย่างมหาศาล ทำให้เป็นหนึ่งในผู้กระทำผิดรายใหญ่ โดยเมื่อพิจารณาปริมาณไฟฟ้าโดยเฉลี่ยที่ศูนย์ข้อมูลใช้จะพบว่า
อุปกรณ์เครื่องใช้ของศูนย์ข้อมูล 3เมกะวัตต์
การสูญเสียของระบบจ่ายไฟ, ระบบปรับอากาศ, แสงสว่าง 3เมกะวัตต์
ความต้องการไฟทั้งหมด 6เมกะวัตต์
ต้นทุนต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง 0.06ดอลลาร์
ค่าไฟที่ใช้ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมงต่อปี 3.15ล้านดอลลาร์
เมื่อประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น 10 % จะช่วยประหยัดพลังงานต่อปี 315,000ดอลลาร์
ที่มา : Computerworld “Doing the Math” เมษายน 2549 (ในสหรัฐ)
สาเหตุที่ศูนย์ข้อมูลถูกมองในด้านลบเนื่องจากสาเหตุหลักสามประการ ได้แก่
1. เซิร์ฟเวอร์: บริษัท ฟอร์เรสเตอร์ รีเสิร์ท คาดว่าศูนย์ข้อมูลที่มีเซิร์ฟเวอร์ 2,500 เครื่อง จะใช้ไฟต่อเดือนเทียบเท่ากับการจ่ายไฟฟ้าให้กับครัวบ้าน 420,000 หลังต่อปี
2. สตอเรจ: บริษัท ไอดีซี ประเมิณว่า 37% ของการใช้ไฟฟ้าของศูนย์ข้อมูลทั้งหมด คือ สตอเรจ ปัญหาอยู่ที่การไม่มีประสิทธิภาพของสตอเรจ ที่ปกติจะมีการใช้ประโยชน์โดยเฉลี่ย 45% ขณะที่ระบบเมนเฟรมเดิมสามารถใช้ประโยชน์ได้มากถึง 85%
3. ระบบทำความเย็น: บริษัท การ์ทเนอร์ ระบุว่าระบบปรับอากาศเดิมนั้น ต้องใช้พลังงาน 60% แต่ในปัจจุบันเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 100% โดยทุกวัตต์พลังงานของเครื่องปรับอากาศใช้พลังงานเพิ่มประมาณ 1-1.5 วัตต์ ที่มา: 2006 Data Center Polling Results: Power & Cooling (กุมภาพันธ์ 2550) โดยไมเคิล เอ เบลล์ (การ์ทเนอร์)
ความจริงที่เกิดขึ้นคือ องค์กรทั้งหลายยังคงสร้างและจัดการกับข้อมูลสำคัญทางธุรกิจที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นกว่าที่เคย เมื่อข้อมูลเพิ่มขึ้น ก็จะต้องมีการจัดเก็บเพิ่มขึ้น ก่อให้เกิดภาระด้านพลังงานเพิ่มขึ้น สิ่งนี้ไม่เพียงทำลายสิ่งแวดล้อม แต่ยังเป็นวิกฤตต่อองค์กรด้วย
ทั้งหมดนี้สร้างแรงกดดันต่อชุมชนธุรกิจที่ต้องใช้พลังงานมากขึ้น และมีผลต่อการดำเนินการด้านไอทีที่มีผลต่อสิ่งแวดล้อมด้วย ดังนั้นสิ่งที่องค์กรต้องรู้และควรจะทำคืออะไร
การทำความเข้าใจกับปัญหา
เป็นสิ่งสำคัญที่ซีไอโอกำลังพยายามทำความเข้าใจเรื่องการปล่อยคาร์บอนขององค์กร จะเห็นได้ว่าการใช้ไฟฟ้ามักถูกซ่อนอยู่ภายในต้นทุนการดำเนินการทั้งหมด และสิ่งนี้ทำให้ยากมากที่จะประเมินการใช้ไฟฟ้าจริง
ก่อนหน้านี้ ซีไอโอจะให้ความสำคัญกับการปรับขนาดได้และประสิทธิภาพ ขณะนี้พวกเขาต้องพิจารณาเรื่องพื้นที่และความต้องการด้านพลังงานมากขึ้น โดยซีไอโอต้องขยายรูปแบบค่าใช้จ่ายของพวกเขา และแสดงให้เห็นการใช้พลังงานที่มีอยู่จริง เพื่อให้สามารถพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสตอเรจที่มีการใช้พลังงานได้อย่างคุ้มค่าและมีประสิทธิภาพ
ปัจจุบันผู้จัดการไอทีเริ่มเข้าใจถึงความสำคัญของประสิทธิภาพกับพลังงานมากขึ้น โดย การปรับปรุงประสิทธิภาพของตัวประมวลผลเซิร์ฟเวอร์กำลังเป็นวิธีการที่ได้รับความนิยม แต่สิ่งนี้เป็นการแก้ไขปัญหาเพียงบางส่วนเท่านั้น เนื่องจากสตอเรจมีบทบาทสำคัญในการใช้ไฟฟ้าจำนวนมาก และยังเป็นตัวการที่ก่อให้เกิดปัญหาด้วย
ผู้จัดการไอทีต้องหาวิธีที่สามารถรวมโครงสร้างพื้นฐานสตอเรจเป็นหนึ่งเดียว ลดจำนวนข้อมูลที่ถูกจัดเก็บจริงและลดไฟฟ้าที่ต้องใช้ด้วยการใช้ประโยชน์ของเทคโนโลยี อย่างระบบเสมือนจริง, การลดจำนวนข้อมูลที่จัดเก็บในดิสก์ (De-duplication) และการจัดสรรพื้นที่สตอเรจให้มีประสิทธิภาพ (Thin Provisioning)
การสร้างความเข้าใจที่แท้จริงเกี่ยวกับผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมของไอที ยังหมายถึงการทำวิจัยด้านซัพพลายเออร์ด้วย ไม่ใช่แค่การใช้ไฟฟ้า พื้นที่จัดวาง และเครื่องปรับอากาศเท่านั้น แต่กระบวนการผลิตก็จะต้องเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วย นั่นคือ วัตถุดิบอะไรที่ผู้ผลิตใช้ พวกเขาได้ควบคุมซัพพลายเชนทั้งหมดหรือไม่ มีการจัดส่งสินค้าไกลแค่ไหน แผนการกำจัดและรีไซเคิลมีอะไรบ้าง
การดำเนินการเชิงบวก
ปัจจุบันองค์กรต่างๆ กำลังเริ่มสร้างและใช้ศูนย์ข้อมูลที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น และขั้นตอนปฎิบัติที่พวกเขาสามารถใช้จัดการกับปัญหาดังกล่าวได้ มีดังนี้
1. ใช้ประโยชน์ทรัพยากรสตอเรจที่มีอยู่ให้สูงสุด จำนวนพลังงานที่สตอเรจใช้ต้องขึ้นอยู่กับจำนวนไดรฟ์ที่ใช้ ไม่ใช่ปริมาณข้อมูลที่มีอยู่ การเพิ่มความหนาแน่นของความจุจะทำให้ระบบสตอเรจมีประสิทธิภาพมากขึ้น และทำให้องค์กรสามารถลดการใช้พลังงานและความต้องการของระบบทำความเย็นได้
2. มองหาโซลูชั่นสตอเรจที่ใช้พลังงานต่ำกว่าและปล่อยความร้อนออกมาน้อย หรือที่สามารถกำหนดค่าเพื่อลดความต้องการความเย็นเพิ่มเติม ขณะที่เป็นไปตามข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวกับการก่อสร้างและการรีไซเคิลด้วย
3. ลดปริมาณข้อมูลที่ใช้ในช่วงเวลาหนึ่ง สตอเรจมีประสิทธิภาพสูงไม่เพียงมีราคาแพงแต่ยังใช้พลังงานในปริมาณมาก การเปลี่ยนไปใช้เครื่องมือ เช่น ที่เก็บข้อมูลถาวร การลดจำนวนและบีบอัดข้อมูลที่จัดเก็บในดิสก์ จะช่วยให้องค์กรสามารถลดปริมาณข้อมูลที่ต้องดำเนินการและจัดเก็บได้
4. มองหาเทคโนโลยี เช่น เสมือนจริง และ Thin Provisioning เพื่อรวมระบบจำนวนมากที่ใช้เข้าด้วยกัน นอกจากเรื่องพลังงาน พื้นที่จัดวาง และการปรับปรุงระบบทำความเย็นแล้ว เทคโนโลยีเหล่านี้ยังทำให้องค์กรสามารถกำหนดค่าใหม่ให้กับศูนย์ข้อมูลเพื่อให้มีการใช้ประโยชน์ของการกำหนดค่าความเย็นที่สมดุลมากขึ้น
ห้าขั้นตอนในการลดการปล่อยคาร์บอนของสตอเรจของคุณ
1. ลดจุดร้อนของศูนย์ข้อมูล ชั้นวางสตอเรจและเซิร์ฟเวอร์ควรได้รับการกำหนดค่าเป็นแถวร้อนแถวเย็น ใช้ความสามารถระบบเสมือนจริงเพื่อกำหนดค่าใหม่ให้กับฮาร์ดแวร์พร้อมกับใช้การกำหนดค่าระบบทำคาวมเย็นที่สมดุลมากขึ้น
2. ใช้ยุทธศาสตร์เสมือนจริง การจัดวางตำแหน่งจุดร้อนใหม่โดยที่ไม่กระทบต่อระบบการทำงาน ใช้ประโยชน์ของตัวควบคุมและอินเตอร์เฟสเดียว รวมทั้งเพิ่มการใช้ประโยชน์ทรัพยากรที่มีอยู่ให้มากขึ้น
3. รวมสตอเรจเข้าด้วยกัน ระบบที่แตกต่างกันก่อให้เกิดความไร้ประสิทธิภาพและใช้ทรัพยากรโดยไม่จำเป็น ใช้ประเมินสตอเรจอนาคตที่ต้องการและรวมเข้าด้วยกัน ใช้ประโยชน์ Thin Provisioning เพื่อลดจำนวนความจุทางกายภาพที่คุณต้องการ ลดจำนวนอุปกรณ์ที่คุณใช้และพิจารณารวมศูนย์ระบบสตอเรจที่เชื่อมต่อกับเครือข่ายเพื่อลดค่าใช้จ่ายด้านไฟฟ้า ความเย็น และพื้นที่จัดวาง
4. ปรับใช้บริการที่สามารถออกแบบโครงสร้างพื้นฐานได้อย่างเหมาะสม พิจารณาบริการมืออาชีพที่จะช่วยออกแบบสถาปัตยกรรมสตอเรจ ปรับใช้ระบบเสมือนจริงและกำจัดอุปกรณ์ที่หมดอายุการใช้งาน
5. ตรวจสอบการใส่ใจด้านสิ่งแวดล้อมของผู้ค้า สำรวจและตรวจสอบอย่างละเอียดว่าเรื่องสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนเป็นส่วนหนึ่งในการดำเนินการของผู้ค้าสตอเรจจริงๆ พวกเขามีการควบคุมซัพพลายเชนทั้งหมดมากน้อยแค่ไหนต่อ พวกเขามีโรดแมพที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมหรือไม่