“พรานทะเล” โชว์ผลงาน 3 ไตรมาสปี’ 50 โตต่อเนื่อง ล่าสุด!! ทุ่ม 20 ล้านบาท เปิดแบรนด์ “I LOVE SUSHI by Prantalay”

ข่าวทั่วไป Monday October 1, 2007 17:30 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--1 ต.ค.--เจดับบลิวที พับบลิค รีเลชั่นส์
เจาะตลาดทั้งโมเดิร์นเทรดและเดลิเวอรี่ ตั้งเป้ารายได้ซูชิพรานทะเลปีนี้กว่า 350 ล้านบาทแน่นอน
บริษัท พรานทะเล มาร์เก็ตติ้ง จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายอาหารทะเลแช่แข็งภายใต้แบรนด์ “พรานทะเล” รุกคืบครองส่วนแบ่งตลาด โชว์ผลงานไตรมาส 3 โตต่อเนื่องอีก 250 ล้านบาท ล่าสุดเปิดแบรนด์ซูชิระดับพรี่เมี่ยม “I LOVE SUSHI by Prantalay” เจาะกลุ่มผู้บริโภคระดับ B+ ขึ้นไป เปิดช่องทางจำหน่าย 2 ระบบ ทั้งในโมเดิร์นเทรดทั่วประเทศ และเดลิเวอรี่บริเวณย่านถนนสุขุมวิท เจาะกลุ่มนักธุรกิจตลาดญี่ปุ่น พร้อมปรับโฉมร้านจำหน่ายในโมเดิร์นเทรด สร้างเอกลักษณ์ความโดดเด่นในแต่ละจุดจำหน่าย อีกทั้งมีการปรับปรุงมาตรฐานของเชฟซูชิ โดยเชฟที่ผ่านมาตรฐานจะมีเข็มติดที่หน้าอกตามระดับความเชี่ยวชาญด้านการปั้นซูชิ ซึ่งจะแบ่งเป็นระดับโกลด์ ซิลเวอร์ และบรอนซ์ ลั่นสิ้นปี’ 50 สร้างรายได้กว่า 350 ล้านบาทแน่นอน
นายอนุรัตน์ โค้วคาสัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายการตลาดและฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท พรานทะเล มาร์เก็ตติ้ง จำกัด เปิดเผยว่า ในปัจจุบัน พรานทะเลสามารถสร้างรายได้จากยอดจำหน่ายตั้งแต่ต้นปี จนถึงไตรมาสที่ 3 ประมาณ 750 ล้านบาท เท่ากับยอดรายได้จำหน่ายในปีที่ผ่านมาทั้งปี โดยแบ่งเป็นสัดส่วนรายได้ออกเป็นหมวดอาหารทะเลแช่แข็งพร้อมปรุง 30% คิดเป็นรายได้ประมาณ 225 ล้านบาท หมวดอาหารทะเลแช่แข็งพร้อมทาน 33% คิดเป็นรายได้ประมาณ 247.5 ล้านบาท หมวดซูชิ 35% คิดเป็นรายได้ประมาณ 262.5 ล้านบาท และอื่นๆ 2% คิดเป็นรายได้ประมาณ 15 ล้านบาท ซึ่งคาดการว่า ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีจะสามารถทำรายได้เพิ่มขึ้นอีก 250 ล้าน บาทหรือมากกว่านั้น เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจเริ่มมีสภาพคล่องตัวมากขึ้น จากการคลี่คลายในวิกฤตต่างๆ อีกทั้งยังเข้าสู่ช่วงเทศกาลที่กลุ่มผู้บริโภคจำเป็นต้องซื้อของอุปโภคบริโภคทำให้เกิดกระแสไหลเวียนของเงินตรา ส่งผลให้กับยอดจำหน่ายของพรานทะเลถึง 1,000 ล้านบาทแน่นอน
ทั้งนี้ ในปัจจุบัน มูลค่าโดยรวมของตลาดอาหารทะเลแช่แข็งพร้อมปรุงประมาณ 400 ล้านบาท คาดว่าจะมีกำลังในการขยายตัวในปี 2551 อยู่ประมาณ 25-30% ซึ่งพรานทะเลมีสัดส่วนการตลาดอยู่ประมาณ 80-90% และมูลค่าโดยรวมของตลาดอาหารทะเลแช่แข็งพร้อมทานประมาณ 3,500 ล้านบาท โดยพรานทะเลมีสัดส่วนการตลาดประมาณ 11% ในโมเดิร์นเทรด ซึ่งคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตอยู่ประมาณ 30% ของมูลค่าทั้งหมด
นายอนุรัตน์ กล่าวว่า ล่าสุดนี้ บริษัทได้เล็งเห็นโอกาสในการเพิ่มขยายช่องทางการจำหน่ายใหม่ล่าสุดสำหรับอาหารประเภทซูชิ เพิ่มขึ้นจากเดิม โดยการสร้างแบรนด์ “I LOVE SUSHI by Prantalay” ขึ้นใหม่ เนื่องจากซูชิเป็นตลาดที่มีแนวโน้มการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากปัจจุบันมูลค่าตลาดรวมของอาหารประเภทซูชิ ในปัจจุบันมีประมาณ 6,000 ล้านบาท ซึ่งรวมในส่วนของภัตตาคารและร้านอาหารญี่ปุ่น ในตลาดโมเดิร์นเทรดปัจจุบันมีมูลค่าประมาณ 500 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าในปี 2551 จะมีมูลค่าการเติบโตโดยรวมของตลาดซูชิเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 30-35% ตอบรับกับเทรนด์อาหารเพื่อสุขภาพที่กำลังได้รับความนิยม เฉพาะในโมเดิร์นเทรดพรานทะเลมีสัดส่วนการตลาดอยู่ประมาณ 70% หรือคิดเป็น 5.83% ของมูลค่าตลาดโดยรวมทั้งหมด ซึ่งคาดว่าในปี 2551 จะเติบโตขึ้นอีกประมาณ 100 ล้านบาท เป็นมูลค่า 450 ล้านบาทในโมเดิร์นเทรด
สำหรับแบรนด์ “I LOVE SUSHI by Prantalay” นั้น ยังเป็นช่องการในการจำหน่ายและสื่อสารประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับตลาดอาหารซูชิที่เจาะเข้าสู่กลุ่มเป้าหมายที่ชอบรับประทานซูชิ ภายใต้แบรนด์ลูกของ ‘พรานทะเล’ และเป็นการตอกย้ำความเป็นมืออาชีพผู้เชี่ยวชาญในอาหารซูชิของพรานทะเลอีกด้วย
นายอนุรัตน์กล่าวต่อไปว่า สำหรับกลยุทธ์การตลาดของแบรนด์ ‘I LOVE SUSHI by Prantalay’ นั้น พรานทะเลได้วางตำแหน่งทางการตลาดไว้ในระดับพรีเมี่ยม เจาะกลุ่มผู้บริโภคเป้าหมายในระดับ B+ จนถึง A โดยมีผลิตภัณฑ์ประมาณ 200 เอสเคยู (SKU) โดยวัตถุดิบที่ผ่านการคัดสรรชั้นดีจากแหล่งธรรมชาติทั่วทุกมุมโลก อาทิ ปลาแซลมอน จากหมู่เกาะฟาโรห์ มหาสมุทรแอตแลนติก, ปลาซาบะจากมหาสมุทรแปซิฟิก, ปลาทูน่า จากมหาสมทุรอินเดีย เป็นต้น ส่วนวัตถุดิบข้าวเป็นข้าวญี่ปุ่น 100% โดยได้ทำสัญญา (Contact Farming) ร่วมกับกลุ่มเกษตรกรปลูกข้าวในภาคเหนือของประเทศไทย ทั้งเรื่องจำนวนข้าวและการส่งมอบวัตถุดิบข้าวต่อปี นอกจากนี้ ยังได้ดำเนินการควบคุมการผลิตภายใต้ทีม R&D ที่ควบคุมโดยชาวญี่ปุ่นในมาตรฐานระดับสากล โดยแบ่งทีม R&D ออกเป็น 2 ส่วนคือ ด้านวิศวกรควบคุมกระบวนการผลิต และด้านผลิตภัณฑ์ ทำหน้าที่พัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีความหลากหลาย มีความเหมาะสมกับชาวไทยและชาวต่างชาติ ทั้งในด้านการจัดซูชิเซต ในลักษณะฟิวชั่นที่รวมความหลากหลายของหน้าซูชิ
ด้านช่องทางการจำหน่าย ‘พรานทะเล’ ได้แบ่งการดำเนินงานออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มโมเดิร์นเทรด ที่มีการปรับปรุงพื้นที่ในการจำหน่ายกว่า 210 จุด ใช้งบประมาณในการปรับปรุงและตกแต่งจุดจำหน่ายใหม่กว่า 10 ล้านบาท โดยเน้นการสร้างความโดดเด่นและความเป็นเอกลักษณ์ เพื่อให้เกิดความแตกต่างและชัดเจนในการดำเนินธุรกิจของในแต่ละโมเดิร์นเทรด โดยแบ่งส่วนการจำหน่ายผลิตภัณฑ์เป็น 2 โซน คือ โซนครัวเย็น จำหน่ายซูชิและซาชิมิ ราคาคำละ 12-20 บาท และเซตละ 59 -120 บาท ส่วนโซนครัวร้อน เน้นการจำหน่ายข้าวราด (ปัน)หน้าต่างๆ อาทิ ข้าวหน้าปลาซาบะ ข้าวหน้าปลาแซลมอน และข้าวราดปลาเทริยากิ เป็นต้น นอกจากนี้ ในส่วนของกลุ่มที่ 2 คือ กลุ่มเดลิเวอรี่ จะเน้นการเจาะตลาดในกลุ่มนักธุรกิจชาวญี่ปุ่นในย่านสุขุมวิท จำหน่ายผลิตภัณฑ์ในราคาประมาณ 300-350 บาทต่อถาด หรือประมาณ 10 ชิ้น ผ่านทางหมายเลขโทรศัพท์ 02-789-9900
นอกจากนี้ ด้านบุคลากร ‘พรานทะเล’ นำเซฟปั้นซูชิจากญี่ปุ่นเข้ามาฝึกอบรมพนักงานปั้นซูชิกว่า 300 คน เพื่อให้เกิดทักษะความชำนาญและมีพัฒนาการที่ดีในการปั้นซูชิ ให้มีความหลากหลายแต่ยังคงคุณภาพและมาตรฐานในแบบฉบับญี่ปุ่นดั้งเดิม โดยได้แบ่งระดับเซฟปั้นซูชิตามเครื่องแต่งกายเป็น 3 ระดับ คือ เซฟระดับโกลด์, ระดับซิวเวอร์ และระดับบรอนซ์ ประจำอยู่ในจุดจำหน่ายที่ต่างๆ
โดย ‘พรานทะเล’ ได้วางแผนกลยุทธ์การสื่อสารประชาสัมพันธ์และกิจกรรมส่งเสริมการขาย ภายใต้งบประมาณ 10 ล้านบาท โดยในช่วงแรกจะใช้กลยุทธ์การประชาสัมพันธ์เชิงรุก เพื่อโปรโมทตามสำนักงาน สถานที่ทำงานกลางใจเมืองจุดต่างๆ เช่น สีลม อโศก และสี่แยกราชประสงค์ เป็นต้น ในรูปแบบขบวนพาเหรด I LOVE SUSHI by Prantalay และการทำบัตรกำนัลชวนชิมซูชิฟรี และการแจกของพรีเมี่ยม ซึ่งจะดำเนินการควบคู่กับการสื่อสารผ่านทางสื่อมวลชนต่างๆ ทั้งสื่อสิ่งพิมพ์ โทรทัศน์ วิทยุ และเว็บไซด์ เป็นต้น ต่อด้วยการทำโปรโมชั่นผ่านช่องทางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทั่วประเทศ
นายอนุรัตน์กล่าวสรุปว่า “ด้วยการดำเนินกลยุทธ์เชิงรุกอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี และการทำกิจกรรมการตลาดทั้งโฆษณาประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่อง ด้วยงบประมาณ 20 ล้านบาท จะเป็นการตอกย้ำในเรื่องคุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่สด สะอาด ได้มาตรฐาน ทำให้ผมเชื่อมั่นว่าซูชิของ I LOVE SUSHI by Prantalay จะเป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ในใจของผู้บริโภค และสามารถสร้างยอดขายไม่ต่ำกว่า 350 ล้านบาทในปีนี้ ซึ่งจะส่งผลให้รายได้ยอดขายโดยรวมของพรานทะเลทั้งปีถึง 1,000 ล้านบาทอย่างแน่นอน”
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
เจดับบลิวที พับบลิค รีเลชั่นส์, เจดับบลิวที ประเทศไทย
คุณประสิทธิ์ กฤษฎาอริยชน (บ๊อบ) โทรศัพท์ 02-204-8216 มือถือ 081-586-2813 หรือ
คุณพรทิพย์ วิริยะกิจพัฒนา (บี) โทร. 02-204-8210 มือถือ 086-813-1981

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ