ฟิทช์ให้อันดับเครดิตเบื้องต้นที่ AAA(tha) แก่หุ้นกู้ชุดสุดท้ายภายใต้ โครงการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ของโครงการศูนย์ราชการของกรมธนารักษ์

ข่าวทั่วไป Thursday October 11, 2007 17:15 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--11 ต.ค.--ฟิทช์ เรทติ้งส์
บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศให้อันดับเครดิตในประเทศเบื้องต้น (Expected Rating) ที่ ’AAA(tha)’ แก่หุ้นกู้มูลค่ารวมไม่เกิน 5,500 ล้านบาทที่จะออกโดย บริษัท ดีเอดี เอสพีวี จำกัด ในปี 2550 โดยหุ้นกู้ชุดดังกล่าวจะครบกำหนดไถ่ถอนในปี 2568 ในขณะเดียวกัน ฟิทช์คาดว่าจะคงอันดับเครดิตในประเทศที่ ‘AAA(tha)’ ของหุ้นกู้ทั้ง 6 ชุดที่ออกโดยดีเอดี เอสพีวี ในปี 2548 และปี 2549 ทั้งนี้การให้อันดับเครดิตในประเทศเบื้องต้นดังกล่าวขึ้นอยู่กับอัตราดอกเบี้ยของหุ้นกู้ที่จะออกในปี 2550 สำหรับโครงการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์นี้ ดีเอดี เอสพีวี สามารถทยอยออกหุ้นกู้ได้ทั้งหมดไม่เกิน 24,000 ล้านบาทภายใน 3 ปี ทั้งนี้ความสามารถในการออกหุ้นกู้ในปีนี้ขึ้นอยู่กับระดับอัตราดอกเบี้ยภายในประเทศ เนื่องจากกระแสเงินสดรับนั้นจะต้องเพียงพอต่อการชำระเงินต้นและดอกเบี้ยของหุ้นกู้รวมทั้งหมด และการออกหุ้นกู้นี้จะต้องไม่มีผลต่ออันดับเครดิตของหุ้นกู้ที่ออกไปแล้ว อันดับเครดิตเบื้องต้นนี้จะสมบูรณ์ต่อเมื่อฟิทช์ได้รับเอกสารประกอบการวิเคราะห์ต่างๆฉบับจริงครบถ้วน
โครงการนี้เป็นโครงการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ที่ริเริ่มโดยรัฐบาลไทย โดยใช้กระแสเงินสดตลอดระยะเวลา 30 ปีที่จะได้รับจากค่าเช่าและค่าบริการต่างๆ จากอาคารศูนย์ราชการแห่งใหม่บนถนนแจ้งวัฒนะมาสนับสนุนการออกหุ้นกู้ ทั้งนี้มีบริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด หรือ ธพส. ซึ่งถือหุ้นโดยกระทรวงการคลัง 100% เป็นผู้รับผิดชอบโครงการ โดยในเดือนพฤศจิกายน 2548 ดีเอดี เอสพีวี ได้ทำการซื้อสิทธิเรียกร้องจาก ธพส. บนกระแสเงินสดที่คาดว่าจะได้รับจากกรมธนารักษ์ภายใต้ 3 สัญญา ได้แก่สัญญาเช่าพื้นที่อาคาร สัญญาบริการ และสัญญาบริการจัดหาเฟอร์นิเจอร์ โดยสิทธิเรียกร้องมีมูลค่าทั้งสิ้น 40,000 ล้านบาท ซึ่ง ดีเอดี เอสพีวี ได้ทำการชำระค่าซื้อสิทธิจำนวน 7,800 ล้านบาท จากเงินสุทธิหลังจากกันสำรองแล้วที่ได้รับจากการออกหุ้นกู้ในปี 2548 และค่าซื้อสิทธิส่วนที่เหลือจำนวน 32,200 ล้านบาทได้ชำระเป็นตั๋วสัญญาใช้เงินด้อยสิทธิ โดยตั๋วสัญญาใช้เงินด้อยสิทธิจะได้รับชำระคืนบางส่วนจากเงินสุทธิที่ได้จากการที่ดีเอดี เอสพีวี ออกหุ้นกู้ในแต่ละครั้งและจากกระแสเงินสดส่วนเกินในส่วนของรายรับในแต่ละปี ซึ่งในปี 2549 ดีเอดี เอสพีวีได้นำเงินสุทธิจำนวน 7,100 ล้านบาทจากการออกหุ้นกู้ในปีดังกล่าวมาทำการชำระคืนตั๋วสัญญาใช้เงินด้อยสิทธิบางส่วน ตั๋วสัญญาใช้เงินด้อยสิทธินี้มีลำดับการรับชำระคืนจากกระแสเงินสดของโครงการรองจากภาระหุ้นกู้และค่าใช้จ่ายภายใต้โครงการ และถือเป็นส่วนหนึ่งของส่วนสนับสนุนเครดิต
อันดับเครดิตสะท้อนถึงกระแสเงินสดรับที่ผูกพันตามสัญญาจากกรมธนารักษ์ ซึ่งเป็นผู้เช่าเพียงรายเดียวของโครงการ โดยกรมธนารักษ์เป็นหน่วยงานสังกัดภายใต้กระทรวงการคลัง รวมถึงการมีเงินสดสำรองเพื่อชำระดอกเบี้ยและค่าใช้จ่ายในช่วงระหว่างการก่อสร้างและการสำรองเงินสดเพื่อชำระเงินต้นของหุ้นกู้เมื่อครบกำหนด อันดับเครดิตนี้บ่งบอกถึงความสามารถในการชำระดอกเบี้ยและเงินต้นตรงตามกำหนด ความเสี่ยงจากการหาแหล่งเงินกู้ใหม่เพื่อชำระหนี้หุ้นกู้ที่อาจเกิดกับหุ้นกู้ชุดที่ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2568 ได้ถูกลดทอนลงบางส่วนจากการมีเงินสำรองเพื่อชำระคืนเงินต้น ซึ่งจะช่วยลดปริมาณเงินที่ต้องหาแหล่งเงินกู้ใหม่ประกอบกับกระแสเงินสดรับใน 12 ปีสุดท้ายของสัญญา คือปี 2569 ถึง 2581 คาดว่าจะสามารถรองรับอัตราดอกเบี้ยของเงินกู้ใหม่ได้สูงถึง 15% ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยตามสมมุติฐานของฟิทช์ ที่มีพื้นฐานการคำนวณมาจากช่วงระยะเวลาที่อัตราดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลที่ใช้อ้างอิงอยู่ในระดับสูง
ดีเอดี เอสพีวี เป็นนิติบุคคลเฉพาะกิจ จัดตั้งขึ้นภายใต้กฎหมายประเทศไทย และได้รับสถานะนิติบุคคลเฉพาะกิจตามพระราชกำหนดนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ จากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
สำหรับรายงานฉบับเบื้องต้นนี้หาได้จาก www.fitchratings.com และ www.fitchratingsasia.com
ติดต่อ: อรวรรณ การุณกรสกุล, นภจักร ผาสุกวนิช, Vincent Milton, +662 655 4755

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ