กรุงเทพฯ--6 พ.ย.--ก.ล.ต.
ก.ล.ต. กำหนดแนวทางการอนุมัติวงเงินให้แก่บริษัทจัดการ (บลจ.) สำหรับกองทุนรวม FIF ที่จะไปลงทุน ในต่างประเทศในส่วนที่เกิน 50 ล้านเหรียญสหรัฐ ให้มีอายุ 60 วันนับจากวันจองวงเงิน เพื่อให้วงเงินดังกล่าวสามารถเป็นประโยชน์แก่ บลจ. ที่ต้องการนำเงินออกไปลงทุนจริง และสำหรับวงเงินที่ บลจ. ได้รับอนุมัติ
ไปแล้วก่อนที่จะมีการประกาศใช้แนวทางข้างต้น ก.ล.ต. จะยืดระยะเวลาให้เป็น 120 วัน ทั้งนี้ แนวทางดังกล่าวได้จากการหารือกับ บลจ. ที่มีแผนการว่าจะขายหน่วยลงทุนของกองทุนรวมที่มีนโยบายลงทุนในต่างประเทศในช่วงนี้
สืบเนื่องจากกองทุนรวมที่มีนโยบายลงทุนในต่างประเทศ หรือ กองทุนรวม FIF มีแนวโน้มได้รับความนิยม จากผู้ลงทุนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และโดยที่ ก.ล.ต. เป็นผู้อนุมัติวงเงินส่วนที่เกิน 50 ล้านเหรียญสหรัฐจากที่ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้อนุมัติสำหรับ บลจ. แต่ละแห่ง ก.ล.ต. จึงต้องบริหารวงเงิน 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ที่ได้รับจัดสรรจากธนาคารแห่งประเทศไทยสำหรับการอนุญาตให้นำเงินออกไปลงทุนในต่างประเทศ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งหาก บลจ. จองวงเงินไว้แต่ไม่นำเงินออกไปลงทุน อาจทำให้ บลจ. อื่นที่ต้องการใช้วงเงินเสียโอกาส ก.ล.ต. จึงได้ออกแนวทางการอนุมัติวงเงินให้แก่กองทุนรวม FIF ที่ บลจ. จัดตั้งและได้รับอนุมัติจาก ก.ล.ต. ให้เสนอขายต่อประชาชนในครั้งแรกในส่วนที่เกิน 50 ล้านเหรียญสหรัฐ ให้มีอายุ 60 วันนับจาก วันที่จองวงเงิน โดยหาก บลจ. ไม่เสนอขายหน่วยลงทุนและจดทะเบียนกองทรัพย์สินเป็นกองทุนรวม FIF ภายในระยะเวลาดังกล่าว วงเงินนั้นจะหมดอายุลง โดย บลจ. สามารถยื่นขอวงเงินใหม่ต่อ ก.ล.ต. ได้อีก โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ส่วนกองทุนรวม FIF ที่ได้รับอนุมัติให้จัดตั้งและจองวงเงินไปก่อนที่จะมีการประกาศใช้แนวทางดังกล่าว (วันที่ 5 พฤศจิกายน 2550) ก.ล.ต. จะขยายอายุวงเงินให้เป็น 120 วันนับจากวันที่ประกาศใช้แนวทาง
นายประเวช องอาจสิทธิกุล ผู้ช่วยเลขาธิการอาวุโส ก.ล.ต. กล่าวว่า “ กองทุนรวม FIF ได้รับความนิยมเป็น อย่างดี โดยเมื่อสิ้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา มียอดเงินลงทุนต่างประเทศส่วนที่ ก.ล.ต. ดูแล (ส่วนที่เกิน 50 ล้านเหรียญสหรัฐ) เพิ่มเป็น 3,567 ล้านเหรียญสหรัฐ จากประมาณ 900 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อปลายปีที่แล้ว
การเติบโตในอัตรานี้ทำให้ ก.ล.ต. ต้องวางแนวทางการบริหารจัดสรรวงเงินให้มีประสิทธิภาพ ที่ผ่านมา ก.ล.ต. ได้หารือเกี่ยวกับปัญหาในการจองวงเงินที่มีอยู่ในปัจจุบันกับ บลจ. หลายแห่งที่มีแผนการจะออกกองทุน FIF ในช่วงนี้จนได้ข้อสรุป และในวันนี้ ก.ล.ต. จึงได้มีหนังสือเวียนแจ้งให้ บลจ. ทุกแห่งทราบถึงแนวทางที่จะกำหนดอายุของวงเงินที่แต่ละ บลจ. ได้มีการจองไว้ เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างทั่วถึง และเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ซึ่งแนวทางดังกล่าวจะไม่กระทบต่อการใช้ดุลยพินิจของ บลจ. ในฐานะผู้จัดการกองทุนรวม FIF ในการตัดสินใจลงทุนในต่างประเทศ เพื่อประโยชน์ที่ดีที่สุดของผู้ถือหน่วยลงทุน
นอกจากนี้ ขอเรียนว่า ก.ล.ต. พร้อมที่จะไปเจรจากับธนาคารแห่งประเทศไทยเพื่อขอขยายการจัดสรรวงเงินให้แก่ธุรกรรมในตลาดทุน หากกองทุนรวม FIF เป็นที่ต้องการของผู้ลงทุนและมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ”