กรุงเทพฯ--15 ม.ค.--เวิรฟ
เมอร์เซเดส-เบนซ์ ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) แถลงผลประกอบการในปี 2560 ด้วย ยอดสินเชื่อรวมที่เติบโตขึ้นกว่า 20% เมื่อเทียบกับปี 2559 สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของบริษัท พร้อมเน้น 3 กลยุทธ์หลัก คือ การสร้างระบบแบบแผนโดยคำนึงถึงลูกค้าเป็นอันดับแรก การดำเนินธุรกิจแบบดิจิตัลอย่างเต็มรูปแบบ และการผสมผสานระหว่างการบริการทางด้านการเงินและการเดินทาง เพื่อการดำเนินธุรกิจให้ได้ผลลัพธ์สูงสุด
คุณสิชัน ซอง กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า "บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด ยังคงดำเนินงานภายใต้กลยุทธ์ "THE BEST" เพื่อมอบผลิตภัณฑ์ บริการ และประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการ และลูกค้ารายย่อย เพื่อคงความเป็นผู้นำอันดับหนึ่ง (First-choice provider) ในการให้บริการสินเชื่อที่หลากหลายและครบวงจร (One-stop financial service solution) ในตลาด อีกทั้งยังคงสร้างความสำเร็จในสายธุรกิจรถยนต์นั่งและรถยนต์เพื่อการพาณิชย์"
"สำหรับบริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) มีผลประกอบการเติบโตขึ้นต่อเนื่อง โดยยอดสินเชื่อรถยนต์ในปี 2560 มีอัตราการเติบโตกว่า 20% เมื่อเทียบกับปี 2559 อีกทั้งยังมีสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) อยู่ในระดับที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดมาก และมีการให้สินเชื่อรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์กับเกือบทุก 1 ใน 2 คันของรถที่มีการขายออกไปให้กับลูกค้า ซึ่งความสำเร็จดังกล่าวเป็นผลมาจากการให้บริการแบบครบวงจร (one-stop financial service solution) และการบริการทางการเงินที่หลากหลาย โดยเฉพาะโปรแกรม 'mySTAR Special' บริการทางเงินในรูปแบบของการเช่าที่ลูกค้าสามารถชำระค่างวดต่อเดือนเพียง 1% ของราคารถ ซึ่งปัจจุบัน1 ใน 8 ของลูกค้าเมอร์เซเดส-เบนซ์ทั้งหมดเลือกใช้บริการทางการเงินนี้ โดยเติบโตขึ้นกว่า 45% ในรอบ 2 ปีที่ผ่านมา และโปรแกรมการประกันภัย 'MB Protection' ที่ได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดีดังจะเห็นได้จากในปีที่แล้วที่มีลูกค้าใช้บริการเป็นจำนวน 7 ใน 10 ของลูกค้าเมอร์เซเดส-เบนซ์ทั้งหมด" คุณสิชันกล่าว
คุณไมเคิล บราวน์ กรรมการบริหารฝ่ายขายและการตลาด กล่าวว่า "เมอร์เซเดส-เบนซ์ ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) เล็งเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของเทรนด์และพฤติกรรมของผู้บริโภคในปัจจุบัน โดยเราพบว่าการติดต่อพูดคุยกับลูกค้าผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียนั้นเป็นสิ่งสำคัญ อีกทั้งลูกค้ายังมองหาการบริการที่สามารถเลือกให้เหมาะกับตนเองและมีวิธีการใช้ที่สะดวก เราจึงเตรียมพร้อมรับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนี้ด้วย 3 กลยุทธ์หลัก คือ กลยุทธ์ที่แรก "การสร้างระบบแบบแผนโดยคำนึงถึงลูกค้าเป็นอันดับแรก (Establishing a Customer-Centric Ecosystem)" เรายังคงมุ่งเน้นในเรื่องการเอาใจใส่ลูกค้าคนสำคัญด้วยการสร้างช่องทาง การสื่อสารที่ลูกค้าสามารถเข้าถึงได้มากขึ้น เช่น วิดีโอแบบโต้ตอบ (Interactive Video) รวมไปถึงการรักษาฐานลูกค้าที่ปรับแต่งให้เหมาะสมกับลูกค้าเป็นรายบุคคล (Personalized Retention Program) การบริหารประสบการณ์ของลูกค้าและการให้ข้อเสนอแนะแบบเรียลไทม์ (Customer Experience Management and Real-time Feedback) และ แชทบอท (Chatbot) ที่ลูกค้าสามารถติดต่อได้ตลอด 24 ชั่วโมง"
"กลยุทธ์ที่สอง "การดำเนินธุรกิจแบบดิจิตัลอย่างเต็มรูปแบบ (Fully Digitalizing Our Business)" ไม่ว่าจะเป็นการเสนอสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าผ่านแอพลิเคชั่นบนมือถือ (Privilege App) การใช้โบรชัวร์แบบอิเลคทรอนิค (Electronic Brochure) การยื่นขอสินเชื่อแบบออนไลน์ (Online Credit Application) และการพัฒนาระบบการบริการลูกค้าให้หลากหลายมากขึ้น (Enhanced Customer Online Service) และสุดท้าย กลยุทธ์ที่สาม "การผสมผสานระหว่างการบริการทางด้านการเงินและการเดินทาง (Uniting Financial and Mobility Services)" ทางบริษัทฯ มีการนำเสนอผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับสินเชื่อรถยนต์ที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า โดยจะเก็บข้อมูลของลูกค้าไว้อย่างเป็นระบบเพื่อวิเคราะห์และเข้าใจความต้องการของลูกค้าอย่างลึกซึ้ง รวมถึงการชนะใจลูกค้าและสร้างความผูกพันระหว่างลูกค้าและตัวผลิตภัณฑ์" มร. ไมเคิล กล่าวทิ้งท้าย