กรุงเทพฯ--18 ม.ค.--ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย
- รายได้จากการดำเนินงาน ปี 2560 จำนวน 13,154.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 226.6 ล้านบาท จากปีก่อนหน้า ส่วนใหญ่มาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ และรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิ
- กำไรสุทธิจำนวน ปี 2560 จำนวน 384.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,014.4 ล้านบาท เทียบกับปี 2559 ที่มีผลขาดทุนสุทธิจำนวน 629.5 ล้านบาท
- รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิ เพิ่มขึ้น 308.9 ล้านบาท หรือร้อยละ 18.9 จากค่าธรรมเนียมจากการจัดจำหน่ายหน่วยลงทุน รายได้ค่าธรรมเนียมจากการเป็นที่ปรึกษาทางการเงินและรายได้ธุรกรรมเช่าซื้อ
- อัตราส่วนรายได้ดอกเบี้ยสุทธิต่อสินทรัพย์เฉลี่ย เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 3.89 เทียบกับร้อยละ 3.77 ในปี 2559 จากการบริหารต้นทุนทางการเงินที่ดีขึ้น
- อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อเงินให้สินเชื่อ อยู่ที่ร้อยละ 4.8 ลดลงจาก ร้อยละ 6.1 ณ สิ้นปีก่อน
ผลประกอบการปี 2560
นายกิตติพันธ์ อนุตรโสตถิ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของกลุ่มธนาคาร สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2560 มีกำไรสุทธิจำนวน 384.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,014.4 ล้านบาท หรือร้อยละ 161.1 เมื่อเทียบกับปี 2559 มีผลขาดทุนสุทธิจำนวน 629.5 ล้านบาท สาเหตุหลัก มาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการดำเนินงานร้อยละ 1.8 และการลดลงของสำรองหนี้สงสัยจะสูญร้อยละ 19.5 ในขณะที่ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ร้อยละ 2.6
เมื่อเปรียบเทียบผลการดำเนินงานสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2560 และ 2559 รายได้จากการดำเนินงาน ปี 2560 จำนวน 13,154.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2559 จำนวน 226.6 ล้านบาท หรือร้อยละ 1.8 ส่วนใหญ่มาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิจำนวน 308.9 ล้านบาท หรือร้อยละ 18.9 ซึ่งเกิดจากค่าธรรมเนียม จากการจัดจำหน่ายหน่วยลงทุน รายได้ค่าธรรมเนียมจากการเป็นที่ปรึกษาทางการเงินและรายได้ธุรกรรมเช่าซื้อ และการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิจำนวน 336.7 ล้านบาท หรือร้อยละ 3.4 เป็นผลจากการลดลงของค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยร้อยละ 9.4 สุทธิกับการลดลงของรายได้จากการดำเนินงานอื่นจำนวน 418.9 ล้านบาท หรือร้อยละ 29.4 สาเหตุหลักจากการลดลงของกำไรสุทธิจากเงินลงทุน
ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2560 เพิ่มขึ้นจำนวน 189.4 ล้านบาทหรือร้อยละ 2.6 เมื่อเทียบกับปี 2559 สาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอื่นและค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงาน สุทธิกับการลดลงของค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับอาคารสถานที่ อัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่อรายได้จากการดำเนินงานสำหรับปี 2560 อยู่ที่ร้อยละ 57.9 ในขณะที่ปี 2559 อยู่ที่ร้อยละ 57.4 อย่างไรก็ดี หากไม่รวมรายการค่าใช้จ่ายพิเศษเกี่ยวกับปรับเปลี่ยนธุรกิจ (business rationalization) อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้จากการดำเนินงานในปี 2560 จะลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 56.9
อัตราส่วนรายได้ดอกเบี้ยสุทธิต่อสินทรัพย์เฉลี่ย (Net Interest Margin – NIM) อยู่ที่ร้อยละ 3.89 สำหรับปี 2560 ในขณะที่ปี 2559 อยู่ที่ร้อยละ 3.77 เป็นผลจากการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
วันที่ 31 ธันวาคม 2560 เงินให้สินเชื่อสุทธิจากรายได้รอตัดบัญชี (รวมเงินให้สินเชื่อซึ่งค้ำประกันโดยธนาคารอื่นและเงินให้สินเชื่อแก่สถาบันการเงิน) ของกลุ่มธนาคารอยู่ที่ 213.0 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.2 เมื่อเทียบกับ เงินให้สินเชื่อ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2559 กลุ่มธนาคารมีเงินฝาก (รวมตั๋วแลกเงิน หุ้นกู้ และผลิตภัณฑ์ทางการเงิน บางประเภท) จำนวน 220.1 พันล้านบาท ลดลงร้อยละ 1.5 จากสิ้นปี 2559 ซึ่งมีจำนวน 223.5 พันล้านบาท อัตราส่วนสินเชื่อต่อเงินฝาก (the Modified Loan to Deposit Ratio) ของกลุ่มธนาคารเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 96.8 จากร้อยละ 92.4 ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2559
สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) อยู่ที่ 10.7 พันล้านบาท อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อ เงินให้สินเชื่อทั้งสิ้น (NPL ratio) อยู่ที่ร้อยละ 4.8 ลดลงเมื่อเทียบกับ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2559 อยู่ที่ร้อยละ 6.1 สาเหตุหลักจากการขายสินเชื่อด้อยคุณภาพในปี 2560 ประกอบกับธนาคารมีมาตรการบริหารจัดการความเสี่ยง ที่มีประสิทธิภาพ และการบริหารคุณภาพสินทรัพย์รวมถึงการปรับปรุงกระบวนการในการเรียกเก็บหนี้ที่มีอยู่
อัตราส่วนเงินสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2560 อยู่ที่ร้อยละ 93.2 เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2559 ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 77.3 ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2560 เงินสำรองของธนาคารและบริษัทย่อยอยู่ที่จำนวน 9.9 พันล้านบาท ซึ่งเป็นสำรองส่วนเกินตามเกณฑ์ธนาคารแห่งประเทศไทยจำนวน 3.7 พันล้านบาท
เงินกองทุนรวมของกลุ่มธนาคาร ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2560 มีจำนวน 40.7 พันล้านบาท คิดเป็นอัตราส่วนเงินกองทุนรวมต่อสินทรัพย์เสี่ยงร้อยละ 17.0 โดยเป็นอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ร้อยละ 12.9