กรุงเทพฯ--19 ม.ค.--Francom Asia
ดุยส์บวร์ก, เยอรมนี – หัวเว่ย ลงนามในบันทึกความเข้าใจกับเมืองดุยส์บวร์ก สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี เพื่อร่วมกันพัฒนาดุยส์บวร์กให้เป็นเมืองดิจิทัลต้นแบบของยุโรปตะวันตก
เซอเรน ลิงค์ นายกเทศมนตรีเมืองดุยส์บวร์ก และมร. หวัง หย่งกาง ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน กลุ่มธุรกิจเอ็นเตอร์ไพรส์ ของหัวเว่ย ได้ลงนามในบันทึกดังกล่าว ซึ่งครอบคลุมกรอบความร่วมมือในการพัฒนาโครงการต่างๆ
เซอเรน ลิงค์ (ซ้าย) นายกเทศมนตรีเมืองดุยส์บวร์ก และมร. หวัง หย่งกาง (ขวา) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน กลุ่มธุรกิจเอ็นเตอร์ไพรส์ ของหัวเว่ย แลกเปลี่ยนบันทึกความเข้าใจเพื่อร่วมกันพัฒนาเมืองดุยส์บวร์ก ในเยอรมนี ให้เป็นสมาร์ทซิตี้
พร้อมกันนี้ หัวเว่ยยังได้ประกาศเตรียมสร้างศูนย์นวัตกรรมความร่วมมือในเมืองดุยส์บวร์กด้วย ซึ่งจะช่วยในการนำนวัตกรรมที่คิดค้นได้จากศูนย์ฯ นี้มาใช้กับเมืองได้โดยตรง โดยโครงการภายใต้ความร่วมมือบันทึกความเข้าใจดังกล่าว ครอบคลุมการขยายเน็ตเวิร์ค Wirless LAN ของเมืองไปยังสวนสัตว์และระบบขนส่งสาธารณะ ส่วนในด้านการศึกษาจะเน้นในเรื่อง "Intelligent Classroom" ด้วยการเชื่อมต่อบรอดแบนด์และ Wi-Fi ในโรงเรียนทั้งหมด
นอกจากนี้ ยังมีโครงการที่อยู่ในระหว่างการหารือ ทั้งระบบไฟถนนอัจฉริยะ ระบบสายส่งไฟฟ้าและประปา และการบริหารระบบจราจร ไปจนถึงโซลูชั่นบริการ eGovernment บนคลาวด์ เพื่อให้ประชากรสามารถเข้าถึงบริการได้ง่ายและสะดวกขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น หัวเว่ยยังเตรียมนำเสนอโซลูชั่นเทคโนโลยี 5G LTE และเน็ตเวิร์คบรอดแบนด์ไร้สายสำหรับการขับขี่แบบไร้คนขับ ระบบขนส่งโลจิสติกส์อัจฉริยะและอินดัสทรี่ 4.0 ให้กับเมืองดุยส์บวร์กอีกด้วย
เป้าหมายสูงสุดคือ การพัฒนาไอเดียและโซลูชั่นที่ล้ำสมัย ผสานการใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนและทำให้เมืองน่าอยู่ ดึงดูดการทำธุรกิจและนักลงทุน ซึ่งทั้งหมดนี้จะต้องอาศัยความร่วมมือของบริษัทต่างๆ ทั้งในเยอรมนีและต่างชาติ บริษัทของเทศบาลเมือง และการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างสถาบันวิจัยและมหาวิทยาลัยต่างๆ บริษัท ดุยส์บวร์กเกอร์ แฟร์ซอกุงส์ อุนท์ แฟเคียร์ส์เกเซลชัฟท์ เอ็มเบฮา หรือเดเวเว (Duisburger Versorgungs- und Verkehrsgesellschaft mbH - DVV) และ เดอู-อีเท เกเอ็มเบฮา (DU-IT GmbH) ซึ่งเป็นบริษัทลูกของเทศบาลเมืองจะทำหน้าที่ประสานงานและบริหารจัดการโครงการทั้งหมดที่ได้วางไว้ โดยเฉพาะการใช้ประโยชน์จากศักยภาพด้านระบบส่งไฟฟ้าและประปา โครงสร้างสาธารณูปโภค และการจราจร
"เทคโนโลยีใหม่ ๆ คือกุญแจสำคัญที่จะไขไปสู่การรับมือกับความท้าทายในอนาคต" นายกเทศมนตรี เซอเรน ลิงค์ กล่าว "เราต้องการที่จะใช้โอกาสดังกล่าวซึ่งเกิดขึ้นมาพร้อมกับยุคดิจิทัล เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตและผลักดันเศรษฐกิจของเมืองให้เติบโตยิ่งขึ้น ในขณะเดียวกัน เราก็จะได้กระชับความสัมพันธ์ของเรากับบริษัทระดับโลกจากจีนให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นจากความร่วมมือในครั้งนี้ เพราะเราเป็นเมืองที่น่าสนใจสำหรับบริษัท พนักงาน และนักศึกษาจากทั่วโลก"
"เรารู้สึกยินดีที่จะได้ใช้ทักษะด้านดิจิทัลของเรา เพื่อพัฒนาเมืองดุยส์บวร์กให้เป็นสมาร์ทซิตี้" มร. หวัง หย่งกาง ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน กลุ่มธุรกิจเอ็นเตอร์ไพรส์ ของหัวเว่ย กล่าว "ผลิตภัณฑ์และโซลูชั่นของเราจะช่วยอำนวยความสะดวกในการดำเนินชีวิตของผู้คนและนักท่องเที่ยวในเมืองดุยส์บวร์ก และทำให้เมืองมีความปลอดภัยมากขึ้นด้วย"
ปัจจุบันนี้ โซลูชั่นสมาร์ทซิตี้ หรือเมืองอัจฉริยะของหัวเว่ย มีการติดตั้งใช้งานกว่า 120 เมือง มากกว่า 40 ประเทศทั่วโลก และบริษัท 197 แห่งที่มีชื่ออยู่ในทำเนียบฟอร์จูน โกลบอล 500 (Fortune Global 500 Company) ได้เลือกหัวเว่ยเป็นพันธมิตรในการพลิกโฉมธุรกิจแบบดั้งเดิมไปสู่ดิจิทัล โดยมี 45 บริษัทอยู่ในรายชื่อ 100 อันดับแรกของทำเนียบ