กรุงเทพฯ--19 ม.ค.--วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส
สภาวะตลาดวันที่ 19 มกราคม 2561 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,326.06-1,337.78 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 20,150 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 50 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 20,100 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFG18 อยู่ที่ 20,240 บาท โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 50 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 20,190 บาท
(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 15.39 น. ของวันที่ 19/01/61)
แนวโน้มวันที่ 22 มกราคม 2561
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ระบุว่าในเดือน ธ.ค. ธนาคารกลางต่างๆ เร่งเพิ่มสกุลเงินที่ไม่ใช่สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐไว้ในทุนสำรองเงินตราต่างประเทศ ในไตรมาส 3 ในอัตราที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ข้อมูลของกระทรวงการคลังของจีนและญี่ปุ่น ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ต่างชาติรายใหญ่ของสหรัฐ บ่งชี้ว่า ทั้งสองประเทศได้ลดการถือครองพันธบัตรสหรัฐลงในเดือนพ.ย. สถานการณ์ดังกล่าว ส่งผลให้ดอลลาร์สหรัฐอยู่ใกล้จุดต่ำสุดรอบ 3 ปีเมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงิน จนพยุงราคาทองคำไว้ ซึ่งตลาดปริวรรตเงินตรามีความอ่อนไหวมากขึ้นต่อแนวโน้มต่อธนาคารกลางของประเทศขนาดใหญ่ที่กำลังดำเนินการปรับนโยบายการเงินเข้าสู่ภาวะปกติ โดยนักลงทุนเชื่อว่าธนาคารกลางยุโรป(ECB) จะมุ่งไปสู่การยุติแผนการซื้อพันธบัตรในช่วงต่อไปของปีนี้ ประกอบกับคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่น(BOJ) จะสนับสนุนการดำเนินนโยบายเชิงผ่อนคลายน้อยลง ซึ่งสร้างแรงหนุนต่อสกุลเงินเยนและสกุลเงินยูโร กระแสดังกล่าว ทำให้ดอลลาร์มีแนวโน้มอ่อนค่าลง ซึ่งธนาคารกลาง, กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ และกองทุนบำเหน็จบำนาญต้องการจำเป็นที่จะกระจายการถือครองดอลลาร์ไปเป็นสกุลเงินอื่น ๆ ขณะที่ธนาคารกลางฝรั่งเศส รายงานว่า ได้ถือครองเงินหยวนไว้ในกองทุนสำรองระหว่างประเทศ หลังจากธนาคารกลางเยอรมนีระบุว่า เตรียมรวมเงินหยวนไว้ในทุนสำรองเช่นกัน ทั้งนี้ดัชนีดอลลาร์เคลื่อนไหวใกล้เป็นระดับต่ำสุดของเดือน ธ.ค. 2557 โดยดัชนีอ่อนตัวลง 1.8% นับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา แม้ว่าสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐผ่านร่างกฎหมายที่จะจัดงบสนับสนุนการดำเนินงานของรัฐบาลจนถึงวันที่ 16 ก.พ.เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะปิดทำการของหน่วยงานรับบาลกลางสหรัฐ แต่ร่างกฎหมายดังกล่าวยังคงต้องได้รับการอนุมัติวุฒิสภา ซึ่งยังคงมีความไม่แน่นอนและมีความซับซ้อนมากขึ้นจาก การที่ ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ ได้เปิดเผยว่า ต้องการยกเลิกข้อตกลงเกี่ยวกับนโยบายรับคนเข้าเมืองของสหรัฐที่จัดทำขึ้นบนความรอมชอมระหว่างพรรคเดโมแครตกับพรรครีพับลิกัน และปธน.โดนัลด์ แสดงความเห็นว่า ไม่ควรรวมการขยายงบสนับสนุนแผนการประกันสุขภาพเด็ก (CHIP) ไว้ในร่างกฎหมาย
กลยุทธ์การลงทุน ทางวายแอลจีมีมุมมองว่า ราคาทองคำมีลักษณะการเคลื่อนไหวในกรอบเพื่อสะสมแรงซื้อ เบื้องต้นประเมินว่าหากราคาสามารถขึ้นไปยืนเหนือบริเวณแนวต้านแรก 1,344-1,346 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้อย่างแข็งแกร่ง คาดว่าราคาจะขยับขึ้นทดสอบแนวต้านถัดไปที่บริเวณ 1,358 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อย่างไรก็ตามเมื่อราคาขึ้นทดสอบแนวต้านแรกแต่ยังไม่สามารถผ่านไปได้ แนะนำขายทำกำไรบางส่วน แนะนำนักลงทุนเข้าซื้อเมื่อราคามีการย่อตัวเข้าใกล้บริเวณแนวรับ 1,324-1,322 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยหากราคาไม่หลุดแนวรับราคาทองคำยังมีโอกาสค่อยๆขยับขึ้นทดสอบแนวต้าน แต่หากราคาหลุดโซนดังกล่าวจะปรับตัวลงไปต่อ โดยมีแนวรับถัดไปที่บริเวณ 1,315-1,303 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ทองคำแท่ง (96.50%)
แนวรับ 1,322 (19,900บาท) 1,315 (19,800บาท) 1,303 (19,600บาท)
แนวต้าน 1,346 (20,300บาท) 1,358 (20,500บาท) 1,365 (20,600บาท)
GOLD FUTURES (GFG18)
แนวรับ 1,322 (20,000บาท) 1,315 (19,910บาท) 1,303 (19,730บาท)
แนวต้าน 1,346 (20,390บาท) 1,358 (20,570บาท) 1,365 (20,680บาท)
หากต้องการทราบทิศทางราคาทองคำและแนวทางลงทุนทองคำ ขอคำปรึกษาเพิ่มเติมจากทีมที่ปรึกษาการลงทุนด้านโกล์ดฟิวเจอร์ส โทร.02-687-9999